ผลกระทบจากศึกการเมืองระดับท้องถิ่น เมื่อ ชาญ พวงเพ็ชร์ คนของพรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ ด้วยเหตุที่มีคดีความเก่า ซึ่งศาลอาญาฯ ประทับรับฟ้องไปแล้วคดีทุจริตถุงยังชีพกำลังขยายวงกว้างออกไป 


 ทั้งพรรคเพื่อไทย ไปจนถึง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกทวงถามว่า จะรับผิดชอบกันอย่างไร ทำไมไม่ตรวจสอบ คุณสมบัติ ผู้สมัครให้ถ้วนถี่ก่อนส่งลงสนาม จนสร้างความเสียหายตามมา ทั้งงบประมาณ และความเชื่อมั่นทางการเมือง 


 การตัดสินใจครั้งนี้ดูจะซ้ำรอยกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ในรายของ พิชิต ชื่นบาน ทนายความส่วนตัว ทักษิณ  จนนำไปสู่การที่นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ถูกยื่นถอดถอน ซึ่งคำร้องยังต้องรอลุ้นกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีรายงานว่า สส.หลายคนในพรรคเพื่อไทย ต่างอยู่ในสภาพที่เรียกว่า น้ำท่วมปาก 


 ไม่ว่าจะรู้สึกหรือ คิดเห็น คัดค้านอย่างไร ก็ไม่สามารถ แสดงออก ได้  เพราะนี่คือ บัญชา จากเจ้าของพรรค  ด้วยเหตุนี้ การตั้งคำถามไปยัง ทีมกฎหมาย ของพรรคเพื่อไทย ว่าเหตุใดไม่ส่งสัญญาณ ระงับยับยั้ง กันตั้งแต่ในรายของพิชิต จนปล่อยให้ล่วงเลยมาถึงกรณี ชาญ ในที่สุด 


 ปัญหาของชาญ ที่เจ้าตัวยังติดบ่วงคดีความทุจริต ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เคยมีมติชี้มูลความผิดมาแล้ว จนคดีไปอยู่ที่ศาลอาญาฯ ทำให้บรรยากาศในพรรคเวลานี้ อดกังวลผลพวงต่อการเมืองระดับท้องถิ่นที่จะมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)ในปีหน้า ไม่ได้ 

 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประเมิน ผลคะแนน การแพ้ -ชนะระหว่างชาญ ที่แม้จะเป็นผู้ชนะ ล้มแชมป์เก่า อย่าง บิ๊กแจ๊ส พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครในนามอิสระ ได้ก็ตาม แต่คะแนนทิ้งห่างเพียงแค่ เกือบสองพันแต้ม เท่านั้น


 ทั้งที่ พรรคเพื่อไทย ระดมทุกสรรพกำลัง ทั้งใต้ดิน บนดิน คนในครอบครัวชินวัตร  ไปลุยหาเสียงให้ชาญ ยังไม่นับการที่ระดม บ้านใหญ่ ไปช่วยชาญ ซึ่งหากพรรคเพื่อไทย เหนือกว่า คู่แข่งจริง คะแนนของชาญ จะต้องทิ้งห่าง บิ๊กแจ๊สหลักหมื่น หลักพัน 


 ผลพวงจากความพ่ายแพ้ในสนามปทุมธานี รอบนี้ กำลังทำให้คนของพรรคเพื่อไทยคิดหนักและต้องทบทวนว่า สูตรการระดมบ้านใหญ่ เพื่อสู้ในการเลือกตั้งสส.ครั้งหน้า นั้นคือคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ !?