เสรี พงศ์พิศ

Fb Seri Phongphit

กลางปี 2567 คนไทยได้ดูกีฬามากมายทั้งกลางวันกลางคืน ฟุตบอลยูโร โคปาอเมริกา วอลเลย์บอลหญิง โอลิมปิก นอกนั้นก็มีมวยเกือบทุกวัน ที่ดูกันมากคงเป็นเย็นวันศุกร์หรือเสาร์ ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

คนดูกีฬามีทุกเพศทุกวัย หลายสิบปีก่อน คุณย่าคุณยายเชียร์มวยปล้ำกัน วันนี้ผู้สูงวัยเชียร์วอลเลย์บอลแบบไม่กลัวหัวใจวาย สมัยก่อนเชียร์จนน้ำหมากกระจาย สมัยนี้คงมีมากมายหลายอย่างแทนหมาก

กีฬามีความสำคัญ หลายประเทศกำลังพัฒนาและ “ยากจน” ฟุตบอลกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ เป็นรายได้ด้วยการ “ส่งออก” นักฟุตบอลอย่างบราซิล อาร์เจนตินา และประเทศในละตินอเมริกาและแอฟริกา ดูลีกใหญ่ๆ ในยุโรปเต็มไปด้วยนักเตะผิวสี รวมไปถึงลีกในเอเชียในไทยก็เช่นกัน

นักฟุตบอลอย่างเปเล่ มาราโดนา แมสซี โรนัลโด กลายเป็นไอดอล ต้นแบบนักกีฬา ทีมฟุตบอลชาติและสโมสรที่ทำให้ประเทศของพวกเขาเป็นที่รู้จัก สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กเยาวชนทั่วโลกอยากเล่นเก่ง จะได้มีรายได้เป็นพันเป็นหมื่นล้านอย่างพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่มาจากครอบครัวยากจน

คนไทยมีศักยภาพทางกีฬาไม่แพ้ชาติใด ถ้าได้รับการสนับสนุน การฝึกฝน ได้โค้ชมืออาชีพระดับสากล แม้ว่าหลายคนหลายชนิดกีฬาอาจต้องการ “พรสวรรค์” แต่ส่วนใหญ่ได้จาก “พรแสวง” และการสนับสนุน

คงจำวันที่เขาทรายชกมวยป้องกันแชมป์ได้ว่า ถนนหนทางในกรุงเทพฯ เมืองใหญ่โล่ง คนเฝ้าหน้าจอทีวี ที่บ้านหรือที่ร้านอาหาร นักกีฬายกน้ำหนักหญิงไทยในโอลิมปิกที่เอเธนส์เมื่อปี 2004 ส่งไป 4 คน ได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง จนได้รับการยกย่องให้เป็นทีมนักกีฬาโอลิมปิกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

ปัจจุบัน นักกีฬาหญิงไทยก็โดดเด่นเป็นอย่างมากในหลายกีฬาอย่างแบดมินตัน กอล์ฟ วอลเลย์บอล และเทควันโด รวมทั้งมวย ที่คนในแวดวงหมัดมวยรู้จักกันดี มีค่าตัวต่อยไฟต์เดียว 10 ล้านบาท

กีฬาเป็นธุรกิจ ในอเมริกา ในยุโรป และทั่วโลก นักกีฬาอาชีพมีรายได้มหาศาล ที่รู้จักมักคุ้นก็นักฟุตบอลที่มีรายได้ต่อสัปดาห์คนละหลายล้านหรือหลายสิบล้าน “มูลค่าซื้อขาย” เป็นพันๆ ล้าน

ทีมฟุตบอลดังๆ ในยุโรปมีมูลค่าหลายแสนล้าน เศรษฐีตะวันออกกลางจึงเป็น “เจ้าของ” สโมสรดังๆ ในยุโรป จ้างนักฟุตบอลระดับซุปเปอร์สตาร์ไปเล่นที่ “ซาอุฯ” ด้วยค่าตัวที่สโมสรในยุโรปจ้างไม่ได้ หรือไม่กล้าจ้าง

รายได้นักกีฬาและทีมกีฬาไม่ได้มาจากค่าชมที่สนามหรือการถ่ายทอดสดเท่านั้น ส่วนใหญ่มาจากสปอนเซอร์ ทำให้นักกอล์ฟชายที่ชนะรายการใหญ่อย่างยูเอสโอเพ่นตีสี่วันได้รางวัลกว่า 150 ล้านบาท  ฝ่ายหญิงได้กว่า 60 ล้านบาท แม้จะเรียกร้องให้ได้เท่าเทียมชาย แต่ผู้จัดก็อ้างว่า ให้ไม่ได้เพราะสปอนเซอร์น้อยกว่า ผู้ชมทั่วโลกน้อยกว่า

ขณะที่รางวัลผู้ชนะเทนนิสรายการใหญ่อย่างแกรนด์สแลมทั้งชายและหญิงได้รางวัลเท่ากัน คือประมาณ 100 ล้านบาท อันดับรองๆ ลงไปก็ได้หลายล้าน แค่ตกรอบแรกก็ได้เป็นล้านแล้ว

รางวัลตอบแทนจึงเป็นแรงจูงใจสำคัญของการกีฬา วันนี้คนไทยคุ้นกับ “วันแชมป์เปี้ยนชิพ” รายการมวยที่คนไทยก่อตั้งและเป็นเจ้าของแต่ไปปักหลักที่สิงคโปร์ ที่โด่งดังไปทั่วโลก จัดการแข่งขันชกมวยหลายประเภท ทั้งมวยไทย คิกบ็อกซิ่ง มวยผสม (MMA) ประยุกต์มวยไทยให้ชกกัน 3 ยก ถ้าชิงแชมป์จึง 5 ยก

แต่ที่ดึงดูดใจให้นักมวยอยากขึ้นเวทีที่จัดโดย “วัน” เพราะรางวัลสูงกว่าทุกเวที ชกทีเดียวได้หลายแสน ถึงหลายล้าน นักมวยไทยบางคนค่าตัวต่อไฟต์ 10 ล้าน ไม่รวมโบนัส ซึ่งอาจได้อีกเป็นล้าน นักมวยระดับแชมป์ต่างชาติที่ดังๆ ในเวทีนี้มีรายได้มากกว่า 10 ล้าน

การจัดมวยด้วยแรงจูงใจเช่นนี้มีผลทำให้นักมวยส่วนใหญ่ชกกันแบบ “เอาเป็นเอาตาย” จนแทบไม่เห็น “แม่ไม้มวยไทย” หรือ “ศิลปะป้องกันตัว” อย่างที่ทางองค์กรประกาศ ขึ้นเวทีอยากแลกอยากน็อกคู่ต่อสู้ลูกเดียวเพื่อจะได้โบนัสและขึ้นโปรแกรมใหญ่ที่ได้ค่าตัวและรางวัลมากกว่าอีก

กีฬาที่รุนแรงอย่างมวย โดยเฉพาะ “มวยกรง” ผสมผสานและมวยไทยได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกวันนี้สนองตอบสัญชาติญาณดิบของมนุษย์ตั้งแต่ยุคหินมาถึงยุคเอไอ ที่อยากระบายความกดดัน ความเครียดในอกของปัญหาสารพัดและไม่มีทางออก

จะเรียกว่า “ซาดิสต์” คงไม่ผิด ไม่ได้สนุกสนาน มีความสุขกับ “ศิลปะการกีฬา” แต่เพราะ “สะใจ” กับความรุนแรงเลือดละเลงเวที ไม่พิการวันนี้ก็วันหน้า  มวยกรงวันนี้ไม่ต่างจาก สนามประลองชีวิต “กลาดิเอเตอร์” นักสู้ในยุคโรมันในสังเวียนโคลีเซียม ที่ต้องตายไปข้างด้วย “นิ้วโป้ง” ของผู้ชมที่ตัดสินชะตากรรมของผู้แพ้

คงไม่ต่างเท่าไรกับ “มวยปล้ำ” ที่คนย่าคุณยายสมัยก่อนเชียร์กันลั่นบ้าน อยากให้ “ธรรมะชนะอธรรม” แต่นั่นเป็นการแสดงที่หลอกคนดูได้ทั่วโลก ที่วันนี้หมดมนต์ขลังไปแล้ว เพราะมี “ของจริง” เจ็บจริง แตกจริงมาแทนหลากหลายรูปแบบ

ยังดีที่มีการแข่งขันสมัครเล่นที่ไม่มีค่าตอบแทน หรือมีก็น้อยอย่างกีฬาโอลิมปิก แต่เหรียญมีค่ามากนัก อาจจะได้จากสปอนเซอร์ ได้รางวัล และค่าตัวเมื่อไปเป็นนักกีฬาอาชีพ หรือไปประกอบอาชีพอื่น

อย่างนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญในโอลิมปิกก็ได้ “รางวัล” คนละหลายสิบล้าน ได้ “อาชีพ” เป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ เป็นการยกระดับชีวิตด้วยความมานะอดทนฝึกฝนมาหลายปี

นักกีฬาไทยหลายคนหลายประเภทเก่งกล้าสามารถ มีชื่อเสียงระดับโลก ส่วนใหญ่เพราะได้โอกาส ได้รับการสนับสนุน พ่อแม่บางคนขายบ้านขายทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนลูกเล่นกีฬาอย่างเทนนิส กอล์ฟ หลายคนประสบความสำเร็จ ลูกมีรายได้เป็นร้อยเป็นพันล้าน

ขณะที่ครอบครัวไทยส่วนใหญ่ไม่ได้มีทรัพย์สินอะไรไปสนับสนุนลูก เป็นลูกอายุไม่กี่ขวบที่ถูกส่งขึ้นเวทีมวยเพื่อเอาร่างกายไปแลกเงินให้พ่อแม่ สภาพสังคมที่ไม่ควรเป็นถ้ารัฐบาลมียุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ มีวิสัยทัศน์ มองเห็นศักยภาพของเด็กไทย ให้การสนับสนุนที่เหมาะสม ไม่ปล่อยให้เสี่ยงชะตากรรมตามลำพัง

ไม่ใช่ดังแล้วจึงสนับสนุน เหมือนเด็ดดอกไม้ที่บานแล้วไปใส่แจกัน แต่ไม่อยากปลูกเอง รดน้ำเอง