จะเป็นเรื่องที่ถือว่า ผิดดีลลับ ตามที่ เทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตั้งข้อสังเกตเอาไว้หรือไม่ แต่อาจไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนทำให้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยุติการเคลื่อนไหวลงได้
ล่าสุด ทักษิณ สวมบท วิทยากร ในคลาสเพื่อไทยอคาเดมี (Pheu Thai Party Academy) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา เข้าร่วมพูดคุย ให้กำลังใจกับสส.รุ่นใหม่ ที่อภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ขออย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ให้คอยใฝ่รู้และเรียนรู้อยู่เสมอ
และยังบอกด้วยว่า จากนี้หากตนเอง ไม่ติดอะไรแล้วก็พร้อมมาเป็น ผู้ช่วยหัวหน้าพรรค ให้คำปรึกษา อะไรที่เกี่ยวกับพรรคก็จะเข้ามาช่วยดูหากมีโอกาสหรือจังหวะ
ทั้งนี้การเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย ของทักษิณเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 67 นับเป็นครั้งที่สอง ภายหลังจากที่เจ้าตัวได้รับการพักโทษ และเดินสายไปต่างจังหวัดมาก่อนหน้าแล้ว โดยในครั้งแรกที่มาเยี่ยมพรรคเพื่อไทย ได้รับการต้อนรับและห้อมล้อมจากสส. ,แกนนำพรรค ตลอดจน คนเสื้อแดง อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ในความเป็นจริงแล้วการปรากฏตัวของอดีตนายกฯทักษิณ ที่พรรคเพื่อไทย รอบที่สอง เป็นเหมือน ติวเตอร์และ ครูใหญ่ ทางการเมืองให้กับลูกพรรค ยังถือว่าเป็นการเปิดหน้าเล่น ท้าทาย ฝั่งตรงข้าม ทั้งในและนอกสภาฯ ค่อนข้างชัดเจน จนดูเหมือนว่าวันนี้ ทักษิณ ไม่จำเป็นต้องเงี่ยหูฟัง หรือรอสัญญาณ ไฟเขียว จากใคร
การสวมบท ครูใหญ่ ของอดีตนายกฯทักษิณ ย่อมแตกต่างจาก เนวิน ชิดชอบ ในฐานะครูใหญ่ ของพรรคภูมิใจไทย เพราะวันนี้ พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ ที่กดดันและบีบคั้นมากเท่ากับพรรคเพื่อไทย เพราะเพื่อไทย และรัฐบาล ที่มี เศรษฐา ทวีสินเป็นนายกฯ นั้นมีความเชื่อมโยง ทั้งภารกิจและพันธะในทางการเมือง
อีกทั้งยังยึดโยงกับ ครอบครัวชินวัตร อย่างแยกกันไม่ออก และเหนืออื่นใดเป้าหมายของทักษิณ นับจากวันที่มีการตกลง ดีลลับ จนทำให้ทักษิณ ได้กลับประเทศไทยนั้นคือการต่อกรกับ พรรคก้าวไกล ไปพร้อมๆกับการปลุกเพื่อไทยให้ฟื้นคืนชีพกลับมา หลังจากที่บอบช้ำอย่างหนักในช่วงรัฐบาล คสช.ยาวนานมากกว่า 8ปี