การต่อสู้ทางการเมือง สำหรับ “พรรคเพื่อไทย” กำลังเริ่มต้น กลายเป็น “ภาคต่อ” หลังจากที่เข้ามาสู่อำนาจรัฐ ฝ่ายบริหารได้เบ็ดเสร็จ ส่วนจะเข้าสู่โหมดปรองดองตามที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย เคยบอกเอาไว้หรือไม่ ยังต้องติดตามกันต่อไป
แต่ประเด็นที่ถูกพูดถึง กลายเป็น “เรื่องร้อน” เรื่องใหม่ขึ้นมา เมื่อ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ NOW ระบุว่าได้ข้อมูลจากคนในพรรคเพื่อไทยว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะแก้รัฐธรรมนูญให้ไม่มี “สส.บัญชีรายชื่อ” เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการชนะ “พรรคก้าวไกล” คือรวบรวมบ้านใหญ่และไม่มี สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า จริงเท็จหรือไม่นั้น ไม่รู้
“จากการติดตามยุทธศาสตร์ การเดินของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เข้าไปหาบ้านใหญ่ แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการรวบรวม สส.เขต ถ้าจะคิดกันพรรคก้าวไกลที่มีกระแสดี การตัด สส.บัญชีรายชื่อจะมีผลกระทบไปถึงพรรคก้าวไกล แต่ขอย้ำว่าไม่รู้ว่าใครคิด” (22 มิ.ย.67)
แน่นอนว่าเรื่องนี้ ถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง จาก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี บอกกับสื่อว่า “เลอะเทอะ” ถามสื่อไปเอาข่าวนี้มาจากไหน และการที่จะแก้ไขเรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องผ่านรัฐสภา และตนเองซึ่งอยู่ในพรรคเพื่อไทยถ้ามีเรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องรู้
ขณะที่ “นิกร จำนง” เลขานุการคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ เพื่อแก้ปัญหาความเห็นต่างในรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่า เป็นประเด็นที่มโนไปเอง ไม่มีที่มาและไม่มีที่ไป ตนเองทำงานในส่วนของรัฐบาลไม่มีการตั้งธงไว้ เนื่องจากการออกแบบกติกาเลือกตั้งขึ้นอยู่กับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่จะเกิดขึ้น หลังจากการทำประชามติเพื่อให้เกิดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชนเป็นผู้ดำเนินการ
อย่างไรก็ดีในอีกด้านหนึ่ง อย่าลืมว่า การกำหนดเกมนั้นย่อมไม่ได้อยู่ที่พรรคเพื่อไทย แต่อยู่ที่ทักษิณ ที่จะคิดค้นยุทธศาสตร์ใด ขึ้นมาสู้กับพรรคก้าวไกล เพราะหากสู้แล้วยัง “แพ้” สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งรอบหน้า จะตกอยู่ในความเสี่ยงสูงทันที และหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เคยมีการพูดถึงกรณีที่ทักษิณ วางแผนการเล่น โดยต้องการกลับใช้สูตร ดึง “บ้านใหญ่” ตามจังหวัดต่างๆ ให้เข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นสูตรเดียวกันที่ เคยใช้สมัย “พรรคไทยรักไทย” จนทำให้พรรคยิ่งใหญ่มาแล้ว
ดังนั้นแม้จะมีเสียงออกมาตอบโต้คุณหญิงสุดารัตน์ เรื่องการโละสส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อหวังให้มีแต่ สส.เขต จำนวน 500 คนก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า แนวคิดดังกล่าวนี้จะไม่เคยมี และเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่า วันนี้เป้าหมายของทักษิณ คือการทวงคืนอำนาจทางการเมือง ทั้งสภาล่าง และสภาสูง
ยังไม่นับรวมการจับจองเก้าอี้ “นายกอบจ.” ที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้า 2568 ล้วนแล้วแต่เป็นความหวังที่พรรคเพื่อไทยจะต้องผลักดันให้เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นทักษิณ คงไม่บุกลงไปที่ปทุมธานี อันเป็นพื้นที่ชิงเก้าอี้นายกอบจ.ระหว่างคนของพรรคเพื่อไทยกับ ฝั่งตรงข้ามที่ได้แรงหนุนจากพรรคการเมืองใหญ่ ซึ่งว่ากันว่ามีพรรคสีส้ม เป็นกองเชียร์สำคัญ !