เสือตัวที่ 6

การต่อสู้ระหว่างขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกับรัฐในสมรภูมิปลายด้ามขวานที่ขับเคลื่อนอย่างเข้มข้นจวบจนถึงวันนี้ จะเห็นได้ชัดว่าพัฒนาการของการต่อสู้ได้เดินทางมาสู่สมรภูมิการต่อสู้ทางความคิดกันอย่างชัดเจน โดยการขับเคลื่อนการต่อสู้ทางความคิดเหล่านั้นได้ดำเนินการผ่านในทุกมิติของการสู้รบทางความคิดอย่างเป็นระบบ มีโครงสร้างการดำเนินงาน และความพยายามอย่างแรงกล้าระดับสูงสุดของฝ่ายขบวนการเห็นต่างจากรัฐอย่างเป็นเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวเพื่อการบรรลุเป้าหมายสูงสุด นั่นคือเอกราชในการปกครองกันเองของกลุ่มคนในพื้นที่แห่งนี้โดยสมบูรณ์ ด้วยการดำเนินการอย่างเป็นระบบ คงเส้นคงวา ต่อเนื่อง ประสานสอดรับกันในทุกองคาพยพของพวกเขาอย่างทรงพลังยิ่ง ส่งผลให้ ณ วันนี้ ฝ่ายขบวนการเห็นจ่างจากรัฐมีความเหนือกว่าในทุกมิติของการต่อสู้ทางความคิด สามารถชิงการนำในการต่อสู้กับรัฐอย่างเหนือชั้น ทุกความคิดของการต่อสู้ในสมรภูมิแห่งนี้จึงสามารถชี้นำให้เกิดแนวร่วมของการสนับสนุนการให้อิสรภาพ เสรีภาพ และสิทธิในการให้คนในพื้นที่แห่งนี้สามารถกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขาว่าจะอยู่ในการปกครองของใครระหว่างรัฐไทยแบบในปัจจุบันหรือจะให้อำนาจพวกเขาปกครองกันเองในรูปแบบที่พวกเขาต้องการ

โดยที่ผ่านมาการกำหนดเงื่อนไขที่เกิดปัญหาใน 3 ระดับ คือ เงื่อนไขระดับบุคคล ระดับโครงสร้าง และระดับวัฒนธรรม ไม่แตกต่างจากช่วงปี พ.ศ. 2560 – 2562 หากแต่แท้ที่จริงแล้วสถานการณ์และบริบทด้านความมั่นคงในช่วงปี พ.ศ.2566 มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยกลุ่มคนของขบวนการที่เห็นต่างจากรัฐมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเปิดเผยมากขึ้นเพื่อต่อสู้ทางความคิดอันจะนำไปสู่การออกนโยบายตลอดจนกฎหมายที่เอื้อให้ขบวนการร้ายแห่งนี้บรรลุการต่อสู้กับรัฐมากขึ้น มีการบ่มเพาะแนวคิดต่อต้านรัฐแบบสุดโต่งในทุกมิติของกลุ่มคนทั้งคนในชุมชุนพื้นถิ่น เด็กและเยาวชนทุกระดับตลอดจนนักศึกษาในสถานศึกษาทุกแห่งอย่างเป็นระบบ การยกระดับการต่อสู้ทางความคิดสู่สากลเพื่อให้เกิดการแทรกแซงจากองค์กรภายนอกประเทศเพื่อร่วมเป็นพลังในการบรรลุเป้าหมายของขบวนการร้ายแห่งนี้มากขึ้นโดยมีสภาพแวดล้อมพื้นฐานในพื้นที่แห่งนี้เป็นอัตลักษณ์พิเศษเฉพาะกลุ่ม ก่อให้เกิดความคิดแปลกแยกที่เข้มข้นสู่เงื่อนไขความขัดแย้งแตกต่างทางความคิด จนขยายตัวเป็นการต่อต้านรัฐตอกย้ำด้วยวิถีชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วไปของรัฐอย่างสุดโต่ง หากแต่กลับหนุนเสริมความเป็นอัตลักษณ์ของกลุ่มคนในท้องถิ่นมากขึ้นและเพิ่มกระแสความคิดแปลกแยกจากรัฐด้วยการสร้างกระแสแนวคิดความรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐ ความไม่เท่าเทียมกับคนในพื้นที่อื่นของรัฐช่วยทำให้เกิดการก่อตัวของกลุ่มต่อต้านรัฐและพัฒนาไปเป็นกลุ่มติดอาวุธเข้าต่อต้านอำนาจรัฐด้วยการก่อเหตุร้ายในทุกรูปแบบที่มโอกาส

สมรภูมิการสู้รบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาด้านความมั่นคงของชาติอันเกิดจากผลกระทบต่อบูรณภาพแห่งอาณาเขตของรัฐ จึงถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย ด้วยการขับเคลื่อนการแยกตัวเป็นอิสระในการปกครองจากรัฐของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐกลุ่มต่างๆ ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมาที่พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขาให้จงได้ กลุ่มแกนนำคนเหล่านี้จึงมีการคิดวิเคราะห์เพื่อแสวงหาทางเดินใหม่ๆ ที่ยังคงดำรงไว้ซึ่งความเหนือกว่าคู่ต่อสู้นั่นคือรัฐไทยอย่างต่อเนื่องและจริงจัง จากแผนบันได 7 ขั้นแต่เดิมที่ใช้เป็นแผนหลัก (Master Plan) ในการต่อสู้กับรัฐ ไปเป็นการต่อสู้ทางความคิดที่สอดประสานในทุกมิติ ตั้งแต่ระดับพื้นที่ท้องถิ่น สู่ระดับชาติ และนานาชาติอย่างกลมกลืน ส่งผลให้เป็นปัญหาที่ยืดเยื้ออย่างยาวนาน และยังคงมีความเข้มข้นอย่างต่อเนื่องจนทุกวันนี้

ในห้วงเวลานี้จึงเกิดปรากฏการณ์ที่กลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐได้มีผนึกกำลังทางความคิดเข้าดำเนินงานเชิงรุกทางด้านการเมือง สร้างมวลชนแนวร่วม การสร้างอัตลักษณ์เฉพาะกลุ่มอย่างเข้มข้นผ่านการจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมประจำถิ่นที่บ่อยครั้งมากขึ้น การเดินงานด้านต่างประเทศอย่างเข้มข้น การสร้างกระแสแนวคิดต่อต้านรัฐผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวางมากขึ้นการสร้างแนวร่วมในองค์กรภาคประชาสังคม (CSOs) องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) เพื่อขับเคลื่อนการเดินทางสู่การแยกตัวเป็นอิสระของคนในพื้นที่จากรัฐด้วยข้ออ้างในประเด็นของสิทธิ เสรีภาพ มนุษยชน สู่การสนับสนุนการเจรจาเพื่อสันติภาพ รวมทั้งมีองค์การระหว่างประเทศ (International Organizations: IOs) เข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันได้ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองหัวก้าวหน้าและกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐบางกลุ่มได้เคลื่อนไหวทั้งในกรุงเทพฯ การจัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น

ปัจจุบันสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวเป็นกลุ่มขบวนการ BRN เป็นกลุ่มหลักในการต่อสู้กับรัฐ ที่ดำเนินการทั้งระดับยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธีตลอดจนการขับเคลื่อนการต่อสู้ในทุกภาคส่วน ทุกมิติอย่างเป็นระบบเพื่อเอาชนะรัฐไทยโดยขับเคลื่อนการต่อสู้หลักผ่านการต่อสู้ทางความคิดอันเข้มข้น แน่วแน่ และสร้างเอกภาพทางความคิดของพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อการต่อสู้อันทรงพลังในขณะที่รัฐยังไม่ให้ความสำคัญและน้ำหนักในการแก้ไขประเด็นนี้ อีกทั้งยังมองปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาไม่ครอบคลุม และการมองภาพสถานการณ์ในการขับเคลื่อนการต่อสู้ของกลุ่มคนที่เห็นต่างจากรัฐยังไม่ชัดเจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้การต่อสู้ของรัฐเป็นไปคนละทิศละทางขาดแรงเสริม ไม่สอดคล้อง ขาดแรงสนับสนุนพลังการต่อสู้กับกลุ่มเห็นต่าง การดำเนินการของรัฐจึงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร อันเนื่องมาจากการขาดเอกภาพทางความคิดของฝ่ายรัฐที่ยังไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างแท้จริง นั่นคือโจทย์ใหญ่ที่รัฐพึงตระหนักรู้ให้ชัดเจน และต้องเร่งสร้างเอกภาพทางความคิดให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมของทุกองคาพยพของรัฐให้ได้ก่อนจึงจะสามารถขับเคลื่อนการต่อสู้ในระดับปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง