กลายเป็น ศึกภาคต่อ กลายเป็น แค้น ที่ยังชำระกันไม่จบ เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ทิ้งหมัดตรงเข้าใส่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทักษิณ เลี่ยงไป หลบมา ไม่พูดตรงๆ 


 แต่เมื่อล่าสุด ทักษิณ จงใจพูดถึง คนในบ้านป่า เมื่อวันที่ไปปรากฎตัวร่วมงานเป็นประธานฉลองงานบวช ลูกชาย นายกเล็กธัญบุรี กฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จนกลายเป็นประเด็นร้อน ต่อเนื่องมาหลายวัน  เพราะทักษิณ พุ่งเป้าไปที่ คนในบ้านป่า 


 ยิ่งเมื่อทักษิณ บอกกับสื่อด้วยท่าทีทีเล่น ทีจริงว่าหมายถึง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร หรือไม่ ว่า ไม่รู้ มีใครบ้างอยู่ในป่า 

 ประเด็นที่หลายคนมั่นใจว่า คนในบ้านป่า ที่ทักษิณ พูดถึงคือ บิ๊กป้อม  เพราะยังมีการตอบคำถามปม 40 สว. ที่เข้าชื่อยื่นถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ว่าขอให้ดูตั้งแต่เริ่มต้นว่า 40 สว.นี้เป็น คนของใคร และเคลื่อนไหวเพื่ออะไร 

 แน่นอนว่า แกนนำจากหลายพรรคการเมืองที่อยู่ร่วมรัฐบาลต่างปฏิเสธว่าไม่ได้ยิน ไม่ทราบว่ามีการพาดพิง และไม่เห็นว่าทักษิณ เอ่ยชื่อใคร นั้นส่วนหนึ่งเพราะไม่ต้อง ขยายความ เพราะอย่าลืมว่า พรรคพลังประชารัฐ ที่มีบิ๊กป้อมเป็นหัวหน้าพรรค ก็คือหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยในครม.ชุดนี้นั่นเอง 
 
อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่าง ขั้วอำนาจเก่า ที่วันนี้ยังมีบิ๊กป้อม คือ ป.  คนสุดท้ายที่ยังอยู่ในสังเวียน ขณะที่ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตรมว.มหาดไทย และ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี ไปแล้ว กับ ขั้วอำนาจของทักษิณ ถูกจับตามาโดยตลอดว่าต่างมีดีลลับแลกให้ทักษิณ ได้กลับประเทศไทย นั้นเป็นภารกิจที่อยู่เหนือการเมืองแบบปกติ ต่างหาก และเมื่อกลับมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือการต่อสู้กลายเป็น ภาคต่อ อันยืดเยื้อ 
 
ทั้งนี้ ขั้วอดีตนายกฯทักษิณ เองก็จับตาฝั่งบิ๊กป้อม มาโดยตลอด ในทุกความเคลื่อนไหวที่เดินเกมผ่าน 40สว.   ไปจนถึงบรรยากาศที่บ้านป่ารอยต่อ ฯ ของบิ๊กป้อม เองไม่ได้เงียบสงัด กลับมี นักการเมือง แวะเวียนไปเข้าพบเจ้าของบ้านเป็นระยะๆ 
 
แต่ขณะเดียวกัน การที่ทักษิณ จงใจส่งสัญญาณ จาก บ้านจันทร์ส่องหล้า กระทบไปยัง บ้านป่ารอยต่อฯ ครั้งนี้ย่อมไม่ใช่การพูดลอยๆ หรือ หลุดปาก แต่อีกทางหนึ่ง เขายังต้องการประกาศท่าทีว่าไม่หวั่นไหวต่อ ขั้วอำนาจเก่า และมั่นใจว่าในวันที่ 18 มิ.ย.นี้เมื่อเดินทางไปรายงานตัวตามที่อัยการสูงสุดนัดหมายแล้ว  จะต้องได้รับการประกันตัว ในคดีความผิดม.112 ด้วยมั่นใจว่า คดีไม่มีมูล