จังหวะการเดินหมากรุก กำลังเข้าใกล้ ฝั่งตรงข้าม ทุกขณะ  ที่ยังรอรีคือโอกาสที่จะขยับ รุกฆาต เมื่อใดเท่านั้น ! 


 ขณะที่พรรคเพื่อไทยกำลังรับมือกับสถานการณ์ที่ทำเอาทั้งพรรคอดหวั่นไหวไม่ได้ว่า จะต้องเสียเก้าอี้ นายกฯคนที่ 30 ไปหรือไม่ หาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เอาตัวไม่รอดจากบ่วงคดี แต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ตามคำร้องของ 40สว. 


 ปรากฏว่าทางฟากฝั่ง พรรคก้าวไกล เองก็ดูเหมือนว่าการนับถอยหลัง รอลุ้นชะตากรรมว่าพรรคจะอยู่หรือไม่ จะถูก ยุบ หรือไม่ อันเป็นผลพวงจากคดีใช้ม. 112 หาเสียง จะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯหรือไม่นั้น กำลังจะเข้าใกล้ คำตอบ เข้ามาทุกที


 แม้พรรคก้าวไกล ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านในสภาฯ จะสามารถยึดครอง คะแนนนิยม จากประชาชน ผ่านเสียงสะท้อนจากโพลหลายสำนักก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นอาจไม่ใช่ ต้นทุน ที่จะทำให้พรรคก้าวไกล ได้เปรียบ มิหนำซ้ำกลับกลายเป็น ความเสี่ยง ที่ฝ่ายตรงข้ามประเมินแล้วว่าจะทำอย่างไร จึงจะเอาชนะพรรคก้าวไกล โดยที่ไม่ต้องรอไปถึงวันลงสนามเลือกตั้ง 


 อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติเห็นให้ขยายเวลาแก่พรรคก้าวไกล ในการทำคำชี้แจงเพื่อต่อสู้คดียุบพรรค ตามที่พรรคร้องขอ โดยหลังจากที่พรรคก้าวไกล ยื่นคำชี้แจงในการต่อสู้คดีล้มล้างการปกครองของพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 4 มิ.ย.ไปแล้ว จะเผยแพร่เอกสารต่อสาธารณะ ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นแนวทางการต่อสู้และยืนยันว่าจะเป็นการรักษาปกป้องพรรค 


 การเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลเพื่อต่อสู้คดียุบพรรค ดูจะสวนทางกับ ความหวั่นไหว ของแกนนำพรรค แทบทุกระดับ เพราะรู้ดีว่า หากพรรคถูกยุบจริง ความเสียหาย จะลุกลามบานปลาย ไม่เฉพาะการเสีย พรรคก้าวไกลไปเท่านั้น


  แต่ยัง ขยายผล ต่อไปถึงการตัดสิทธิ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งประกาศว่า พร้อมชิงนายกฯ หาก เศรษฐา หลุดเก้าอี้ ขึ้นมาจริงๆ ยังไม่นับรวมกรรมการพรรค  และลากยาวไปถึง 44 สส. ที่เคยร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขม.112 อีกด้วย 


 วงในจากพรรคก้าวไกล ประเมินไม่ต่างไปจาก ฝั่งตรงข้าม ว่าในห้วงสัปดาห์นี้ คือจุดเปราะบางที่พรรคต้องเจอกับความสุ่มเสี่ยง ว่าการวินิจฉัย คดียุบพรรค จะต้องเห็นหน้า เห็นตากันแล้ว หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งขยายเวลามาแล้วถึงสองครั้ง  


 เพราะการขยายเวลา คือการต่อลมหายใจให้กับพรรคก้าวไกล เพื่อเก็บ ก้าวไกล เอาไว้เป็นหนึ่งในหมากของการต่อรองทางการเมือง ในดีลลับ เท่านั้น แต่ คำตอบสุดท้าย ยังไม่มีสัญญาณให้ต้องเปลี่ยนแปลง !