วันหยุดที่ผ่านมา 2 มิ.ย.67 “ชัย วัชรงค์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำทีมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ครบ 6 เดือน จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เหมือนเป็นการแสดงนัยยะว่าเพื่อชี้แจง นำเสนอ “ผลงาน” ว่ารัฐบาล ทำอะไรบ้าง และที่สำคัญ กำลังบ่งชี้ว่ารัฐบาลคงไม่อยู่นิ่งเฉย เป็นฝ่าย “รับ” เพียงฝั่งเดียวอีกแล้ว !
จากผลการสำรวจครั้งนี้ พบว่า ประชาชนร้อยละ 44.3 มีความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลในระดับมาก-มากที่สุด ซึ่ง มากที่สุดร้อยละ 5.6 และมากร้อยละ 38.7
นอกจากนี้ยังพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด ต่อนโยบายของรัฐบาล 5อันดับแรก ได้แก่ นโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ ร้อยละ 68.4 อันดับสอง มาตรการพักหนี้เกษตรกร อยู่ที่ ร้อยละ 38.9 อันดับสามมาตรการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ร้อยละ 33.1 อันดับสี่ มาตรการลดค่าไฟ ร้อยละ 32.8 และ อันดับห้า มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ อยู่ที่ ร้อยละ 29.3
การโชว์ผลงานเพื่อแสดงศักยภาพของรัฐบาล เวลานี้คือภารกิจที่ทุกองคาพยพที่มีในมือต้องออกแรง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่กำลังรับมือกับมรสุมทางการเมืองไปพร้อมๆกับการเสียคะแนนนิยมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อมีการเปรียบเทียบกับ “พรรคก้าวไกล” พรรคฝ่ายค้านที่แม้ยังไม่เคยแสดงฝีมือในการบริหารประเทศ แต่ผลการสำรวจความเห็นจากพระปกเกล้าชี้ชัดว่า ในทางการเมืองแล้ว พรรคก้าวไกลชนะขาด
ปัญหาของพรรคเพื่อไทย เวลานี้คือการที่นายกฯเศรษฐา ยืนอยู่บนความสุ่มเสี่ยงต่อจากการต่อสู้คดีที่ 40สว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอน จากกรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีฯที่ผ่านมา อันเป็นเหมือน “”สารตั้งต้น” ที่จะนำไปสู่เกมเปลี่ยนนายกฯ และอาจลามไปถึง การเปลี่ยนไพ่ ทั้งสำรับ ตามมา
ขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯคนที่ 23 ก็ยังพัวพันกับคดีมาตรา 112 มิหนำซ้ำการเคลื่อนไหวของทักษิณ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แม้จะอยู่ในระหว่างการพักโทษ ยังกลายเป็นการท้าทาย “ขั้วอำนาจอนุรักษ์นิยม” ไปพร้อมๆกับการทำให้คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย ถูกโจมตี อย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ของรัฐบาล วันนี้สิ่งสำคัญที่สุด จึงอยู่ที่ความเชื่อมั่น ทั้งต่อตัวนายกฯเศรษฐา ว่าเขาจะยังสามารถ “ไปต่อ” ได้อย่างราบรื่น และรัฐบาลเองมีความสามารถมากพอที่จะ แก้ปัญหาปากท้อง แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้จริงๆ !