จุดเปลี่ยนการเมืองไทย จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 พ.ค.67 นี้หรือไม่ เชื่อว่าทุกสายตาล้วนเพ่งมองไปที่ความเคลื่อนไหวของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ที่จะมีต่อคำร้อง กรณี “40สว.” ให้วินิจฉัยความสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรีของทั้ง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี จากการเสนชื่อแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะออกมาอย่างไร เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ในวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ค.นี้  


 แน่นอนว่า ประเด็นการพิจารณาคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนี้ย่อมส่งผลกระทบ “ทางตรง” ต่อตัวนายกฯเศรษฐา และพิชิต รมต.ประจำสำนักฯ ตั้งแต่เบื้องแรก เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ “รับคำร้อง” เอาไว้พิจารณา ทั้ง นายกฯเศรษฐา และพิชิต จะต้อง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” 


 ดังนั้นในห้วงเวลาจากนี้ไปจนถึงวันที่ 23 พ.ค. แน่นอนว่า ทั้ง นายกฯเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย ไปจนถึง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ จะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิด “สุญญากาศ” ทางการเมือง ในท่ามกลางกระแสข่าวลือ  ทั้งการเปลี่ยนตัวนายกฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลุกลามไปถึงขั้นที่ว่า “ล้มดีลลังกาวี” ตามมา 
 ล่าสุด นายกฯเศรษฐา ให้สัมภาษณ์จากประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 18 พ.ค.67 (ตามเวลาท้องถิ่น)  ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ต่างประเทศ ว่า “ ผมเคยบอกแล้วว่า ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งให้นายพิชิต ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามไปคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ซึ่งผมมั่นใจว่าสามารถตอบคำถามได้ เพราะอยู่บนหลักการของความถูกต้อง


  แต่แน่นอนว่า ฝ่ายตรวจสอบก็มีหน้าที่ตรวจสอบ ผมก็ต้องยอมรับ และต้องดูว่ามีเหตุและผลหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ขออนุญาตไม่พูดเพราะถือว่าเป็นไปตามกลไกการปกครองของประเทศไทยอยู่แล้ว” 


 กว่าที่นายกฯเศรษฐา จะเดินทางกลับถึงไทย อีกหลายวันข้างหน้า แต่ย่อมไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทย ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุม 23 พ.ค.นี้ แรงเหวี่ยง จากประเด็นดังกล่าวจะไปไม่ถึง แต่อาจกลายเป็นเรื่องตรงกันข้าม ตัวนายกฯเศรษฐา เอง ยังต้อง “ลุ้นระทึก” สถานะของตัวเอง ไปพร้อมๆกับการปฏิบัติงานในต่างแดน ส่วนพรรคเพื่อไทยเอง อาจเจอกับ โจทย์ใหม่ว่าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุทางการเมืองรอบนี้ได้แล้ว จะปั้นใครขึ้นมาแทน เศรษฐา ได้ทันการ และจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ “ดีลลับลังกาวี” หมดอายุลง !