เสือตัวที่ 6
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ของรัฐแม้จะดูสงบเรียบร้อยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากเหตุร้ายในพื้นที่ที่มีลดน้อยถอยลงจนดูประหนึ่งว่ากลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐทั้งหลายหมดพลังในการต่อสู้ด้วยอาวุธกับรัฐลงอย่างสิ้นเชิง หากแต่เมื่อวิเคราะห์เชิงลึกแล้วจะพบว่าขบวนการร้ายแห่งนี้ยังคงสะสมพลังมวลชนเพื่อต่อสู้กับรัฐในรูปแบบใหม่ที่ไม่อาจนิ่งนอนใจได้ ณ ห้วงเวลานี้ กลยุทธ์ของขบวนการแห่งนี้ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการสะสมบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐเพื่อมุงสู่การต่อสู้ทางความคิดอย่างกล้าแข็งและเป็นระบบมากขึ้นภายใต้การบ่มเพาะอย่างเงียบๆ ด้วยความแนบเนียนจนยากที่จะถูกค้นพบจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐที่มือไม่ถึงจริง จนทำให้วันนี้กระบวนการบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐถูกให้ความสำคัญน้อยลงทั้งที่ขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐยังคงให้ความเข้มข้นในการสะสมบ่มเพาะสร้างความเห็นแปลกแยกแตกต่างจนเป็นปรปักษ์จากรัฐมากกว่าที่เคยกระทำมาด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา กระบวนการบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐจนถึงขั้นเกลียดชังรัฐนั้นได้ถูกพิสูจน์ทราบจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐมาอย่างต่อเนื่อง จนพบร่องรอยการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบจากสถานศึกษาบางแห่ง สร้างแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐ ให้เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา จนกระทั่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้เกาะติดโดยจัดชุดเฉพาะกิจจากหน่วยเฉพาะกิจสันติสุขเข้าเกาะติดพิสูจน์ทราบและสร้างความคิดใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ตั้งแต่ ปี 2556 จนในปัจจุบัน จนกระทั่งสถานศึกษาเป้าหมายเหล่านั้นไม่พบร่องรอยการฝึกเพื่อสร้างสมาชิกใหม่หรือใช้เป็นแหล่งพักพิงของผู้ก่อความไม่สงบเช่นในอดีต ด้วยการเกาะติดสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กลุ่มขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐยังคงมีกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดความเห็นต่างจากรัฐอย่างเข้มข้นอยู่ โดยขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการในการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาด้วยความแนบเนียน โดยไม่ทิ้งร่องรอยของกระบวนการบ่มเพาะสร้างแนวคิดเกลียดชังต่อรัฐ ให้เห็นง่ายๆ อย่างในอดีตที่ผ่านมา
นอกจากนั้นรูปแบบการปกปิดซ่อนเร้นอำพรางการอบรมบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐจากเล็กน้อยขยายผลเป็นสุดโต่งและถึงขั้นเกลียดชังจนกระทั่งเข้าร่วมขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐด้วยความเต็มใจในที่สุด มีการเปลี่ยนแปลงจากที่กระทำการบ่มเพาะความเห็นต่างกับรัฐในสถานศึกษาไปเป็นการกระทำนอกสถานศึกษา ในรูปแบบของการจัดกิจกรรมเข้าค่ายนอกสถานที่ในห้วงต่างๆ เช่นห้วงการปิดภาคเรียน รวมทั้งการใช้สถานที่อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านความมั่นคง ในการใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะความเห็นต่างสร้างแนวคิดรุนแรง สร้างความเกลียดชังจนเป็นปรปักษ์กับรัฐ สู่การชักจูงเยาวชนให้เข้าร่วมขบวนการร้ายแห่งนี้อย่างเต็มใจในรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่ง
การสร้างบรรยากาศของความไม่ปกติของพื้นที่ด้วยการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนกระบวนการบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐเป็นอย่างดี ทำให้ขบวนการร้ายแห่งนี้ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสในการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ให้ได้ในทุกโอกาสและจังหวะที่เอื้ออำนวยและเมื่อก่อเหตุร้ายใดๆ แล้ว การก่อเหตุร้ายนั้นจะต้องสำเร็จตามแผนและที่สำคัญคือกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่ลงมือนั้นจะต้องอยู่รอดปลอดภัยจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในทุกกรณี เหล่านี้จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าเมื่อสิ้นสุดการก่อเหตุร้ายแล้วกลุ่มกองโจรจะสามารถหลบหนีการสกัดจับจากเจ้าหน้าที่รัฐได้ทุกครั้ง ดังปรากฏการณ์เมื่อ 6 พ.ค.2567 เวลา 21.35 น. ที่แนวร่วมขบวนการร้ายแห่งนี้ ได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดด้วยรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง บริเวณหน้าเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส ทั้งที่บริเวณนั้น เป็นพื้นที่ปลอดภัย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน และแนวร่วมคนร้ายกลุ่มนี้ก็ได้หลบหนีไปได้อย่างแนบเนียนอีกเช่นเคย สมรภูมิการสู้รบปลายด้ามขวานแห่งนี้จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงของเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ หากแต่เป็นการปรับกลยุทธ์การขับเคลื่อนของขบวนการร้ายแห่งนี้ที่มุ่งเป้าสะสมพลังมวลชนการต่อสู้ของขบวนการนี้เพื่อการต่อสู้ทางความคิดตั้งแต่ระดับพื้นที่ท้องถิ่น ระดับภูมิภาค ระดับชาติ และระดับองค์กรระหว่างประเทศอย่างเป็นระบบ
นอกจากนั้นขบวนการร้ายแห่งนี้ยังคงขับเคลื่อนผ่านระบบการเรียนการสอนที่เอื้ออำนวย การเร่งสร้างอัตลักษณ์เฉพาะพื้นที่ที่แตกต่าง ด้วยการบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐโดยการชักชวนของคนใกล้ชิดในสถานศึกษาการพูดคุยธรรมดาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เชิงบาดแผลด้วยวาทกรรมรัฐปัตตานีเชื่อมโยงศาสนา การสร้างความเชื่อมั่นในการต่อสู้ด้วยการก่อเหตุร้ายเมื่อมีโอกาสและจังหวะเวลาสอดรับ การปิดบังอำพรางซ่อนเร้นการบ่มเพาะความเห็นต่างกับรัฐอย่างแนบเนียนจนได้แนวร่วมขบวนการหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น สามารถปกปิดร่องรอยจากเจ้าหน้าที่รัฐได้สร้างแนวร่วมขบวนการต่อสู้กับรัฐผ่านกระบนการบ่มเพาะสานต่อแนวคิดการต่อสู้เพื่อรัฐปัตตานีได้อย่างต่อเนื่อง สนองตอบยุทธศาสตร์การต่อสู้ของขบวนการเพื่ออิสรภาพการปกครองที่กลุ่มแกนนำคาดหวัง
กลยุทธ์ของขบวนการแห่งนี้ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการสะสมบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐเพื่อมุ่งสู่การต่อสู้ทางความคิดอย่างกล้าแข็งและเป็นระบบมากขึ้นภายใต้การบ่มเพาะอย่างเงียบๆ ด้วยความแนบเนียนจนยากที่จะถูกค้นพบจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐในรูปแบบที่แนบเนียนนี้ทำให้รัฐให้ความสำคัญน้อยลงทั้งที่ขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐยังคงให้ความเข้มข้นในการสะสมบ่มเพาะสร้างความเห็นแปลกแยกแตกต่างจนเป็นปรปักษ์จากรัฐอย่างไม่เสื่อมคลายหากแต่แกนนำของขบวนการร้ายแห่งนี้ได้รับรู้แล้วว่า การบ่มเพาะความเห็นต่างจากรัฐอย่างที่เคยกระทำมาไม่สามารถเป็นผลเท่าที่ต้องการ การบ่มเพาะแนวคิดความเห็นต่างจากรัฐจึงต้องขับเคลื่อนอย่างเงียบๆ ทั้งยังสอดรับไปทุกกลุ่มคนบนเส้นทางของการต่อสู้ทางความคิด ทั้งในระบบโรงเรียน สถานศึกษาทุกระดับ ในชุมชน ในเรือนจำ ในหมู่นักวิชาการทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ จนถึงระดับนักการเมือง ที่ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มคนเป้าหมายของขบวนการที่หวังจะบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยกแตกต่างจากรัฐด้วยวิธีการที่แนบเนียนจนรัฐไม่อาจรับรู้ได้