ข้อมูลสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)ระบุว่าปัจจุบันมีปริมาณน้ำในแหล่งน้ำทั่วประเทศ 45,099 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 55% ของความจุ น้อยกว่าเมื่อปีที่แล้วอยู่ 2% ซึ่งนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ประเทศไทยจะมีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติจากอิทธิพลของสภาวะเอลนีโญ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนกักเก็บน้ำในช่วงต้นฤดูแล้งไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้ ทั้งนี้ แนวโน้มของปริมาณฝนจะเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤาภาคม เป็นต้นไป 

ส่วนกรมชลประทานรายงานสถานการณ์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บกักน้ำ 1 ใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยในช่วงฤดูฝนปี 2566 ที่ผ่านมา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์สามารถเก็บกักน้ำ ได้ประมาณ 1,019 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 106 ของความจุอ่างฯ ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะเป็นน้ำต้นทุน เพื่อใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 รวมระยะเวลาทั้งสิ้นกว่า 6 เดือน (1 พฤศจิกายน 2566-30 เมษายน 2567) รวมไปถึงเป็นน้ำต้นทุนเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน กรณีที่เกิดฝนทิ้งช่วงหรือฝนยังตกไม่สม่ำเสมอ ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2567 อีกด้วย

โดยกรมชลประทานได้วางแผนบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 (1 พฤศจิกายน 2566-30 เมษายน 2567) เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศน์ การเกษตร การอุตสาหกรรม และอื่น ๆ รวมปริมาณน้ำทั้งสิ้นกว่า 800 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากมีการใช้น้ำตลอดช่วงฤดูแล้งรวมทั้งสิ้นกว่า 6 เดือน ประกอบกับสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง จึงทำให้ปริมาณน้ำลดลงตามลำดับ โดย ณ วันที่ 6 มกราคม 2567 มีปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ประมาณ 771.80 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ และในวันที่ 19 เมษายน 2567 มีปริมาณน้ำคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 213.85 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 22 ของความจุอ่างฯ

ปัจจุบัน (1 พฤษภาคม2567) ได้สิ้นสุดการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2566/67 แล้ว พบว่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 159.95 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 17 ของความจุอ่างฯ ซึ่งเพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำในช่วงต้นฤดูฝนกรณีที่เกิดภาวะช่วงฝนทิ้งช่วง ตามแผนจัดสรรน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2567 ที่วางไว้ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพื้นที่อ่างเก็บน้ำไว้สำหรับรองรับน้ำฝนในช่วงฤดูฝนปี 2567 ที่จะมาถึงนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพอีกด้วย

แม้จากข้อมูลของสถานการณ์น้ำข้างต้น จะทำให้พี่น้องประชาชนและเกษตรกรมีความมั่นใจ หากแต่เราอยากฝากไปถึงรัฐบาลเศรษฐาในการจัดการอย่างยั่งยืน  ตัดวงจรปัญหาตามฤดูกาล