จะช้าหรือเร็ว สำหรับ คู่แข่ง ย่อมประเมินว่า ที่สุดแล้ว  พรรคก้าวไกล  น่าจะรอดพ้นจาก คดียุบพรรค ได้ยากเย็น  แต่อย่าลืมว่า ในมุมของ แกนนำ พรรค ไปจนถึง เจ้าของพรรคตัวจริง อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นผู้ปลุกปั้นพรรคการเมืองในแบบฉบับแนวคิดและอุดมการณ์ของตนเอง มาตั้งแต่ เจนเนอร์เรชั่นแรก คือ พรรคอนาคตใหม่ ย่อมเห็นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง !


  ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ขยายระยะเวลา ให้กับ พรรคก้าวไกล ภายหลังจากที่ยื่นคำชี้แจงข้อกล่าว คดียุบพรรค ครั้งที่ 2ออกไปอีก 30 นับถัดจากวันครบกำหนดขยายระยะเวลาครั้งแรกแล้ว


  จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.67 ซึ่งจะครบกำหนดยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 18 พ.ค.67 
 กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) และยังให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

 
 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีมติให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก เท่ากับว่า พรรคก้าวไกลยังได้มีโอกาส ต่อลมหายใจ ไปพร้อมๆกับการมุ่งหน้าไปยัง งานใหญ่ คือการรณรงค์ ให้เกิด สว.สีส้ม เข้ามาแทนที่ สว. ชุดเก่า ที่มาจากคสช.แม้งานนี้ จะมี  ใบเตือน จากกกต. ไปยังแกนนำคณะก้าวหน้าแล้วว่าระวังจะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญและระเบียบของกกต.ว่าด้วยการเลือกสว.


 แต่ขณะเดียวกัน ลึกๆแล้ว แม้ก่อนหน้านี้ทั้ง ธนาธร และชัยธวัช  ตุลาธน ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล เอง จะแสดงความมั่นใจว่าการ ยุบพรรค ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของ ก้าวไกล  เพราะพวกเขาเชื่อว่า วันนี้พรรคก้าวไกล เติบโตและแข็งแกร่งมากกว่าการดำรงอยู่ในสถานะ พรรคการเมือง เหมือนเช่นกับพรรคอื่นๆ ไปแล้ว หากแต่พรรคขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ ไม่ว่าจะใช้ชื่อใดก็ตาม 


 ทว่าในความเป็นจริงอีกด้านหนึ่ง ที่คนในพรรคก้าวไกล หรือแม้แต่คณะก้าวหน้าเอง ย่อมปฏิเสธได้ยาก นั่นคือในการแข่งขัน การต่อสู้ทางการเมืองนั้น หากพรรคก้าวไกล ถูกยุบจริงมีหรือที่จะไม่เกิดปัญหา แพแตก ตามมา  


 แต่อย่าลืมว่า  ในพรรคก้าวไกล ย่อมมีสส.และสมาชิกพรรค ที่ไม่ได้ยึดโยง ขึ้นอยู่กับ ธนาธร หรือชัยธวัช หากแต่ยังมีบรรดานักการเมืองที่พร้อมจะผันแปรไปตามทิศทางลมการเมือง ดังนั้น โอกาส ต่อเวลา ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยังขยายเวลาให้กับพรรคก้าวไกล เป็นรอบที่ 2  ยังเท่ากับเป็นการประคับประคอง หลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้ ให้นานที่สุด !