รรท.ผบ.ตร. สั่งการ “ตชด. - ภ.6” เพิ่มความเข้มข้นดูแลพี่น้องประชาชน ลาดตระเวนป้องกันลุกล้ำอธิปไตย ดูแลประชาชนเมียนมาหลบภัย
จากสถานการณ์ การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้านฯ ที่ยังยังคงสู้รบกันอย่างต่อเนื่องในพื้นที่สะพานมิตรภาพ ไทย - เมียนมา แห่งที่ 2 (ฝั่งเมียนมา) บ.เยปู่ อ.เมียวดี จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้าม บ.วังตะเคียนใต้ ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จว.ตาก ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทำให้มีประชาชนเมียนมา หลบหนีภัยสู้รบเข้าฝั่งไทย อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วกว่า 3,000 คน ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
วันที่ 21 เมษายน 2567 ที่ปลอดภัยชั่วคราว ท่าทรายรุจิรา บ.วังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จว.ตากพล.ต.ท. ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( ผบช.ตชด.) พร้อมด้วย พล.ต.ท. กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ( ผบช.ภ.6 ) พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก พล.ต.ต. วรพัฒน์ บุญมา ผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยได้รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์และการปฏิบัติภารกิจของตำรวจตระเวนชายแดนและตำรวจภูธรแม่สอด ที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ท่าทรายรุจิรา บ.วังตะเคียนใต้ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จว.ตาก และบริเวณสะพานมิตรภาพ ไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ได้มอบน้ำดื่ม เงินสวัสดิการ และบำรุงขวัญให้แก่กำลังพล
พล.ต.ท.ยงเกียรติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ห่วงใยสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้านที่มีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนเมียนมา หลบหนีภัยสู้รบเข้าฝั่งไทย จึงได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ ตำรวจภูธรภาค 6 เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ รวมถึงจัดกำลัง ร่วมกับ ทหาร ฉก.ราชมนู และฝ่ายปกครอง ออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการรุกล้ำอธิปไตย และจัดกำลังดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเมียนมาที่หลบหนีภัยสู้รบเข้าฝั่งไทยมาพักยังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวที่ฝ่ายปกครองได้จัดเตรียมไว้
“ตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมที่จะดูแลพี่น้องประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเมียนมาที่หลบหนีภัยสู้รบตามหลักสิทธิมนุษยชน จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ”