การประชุมใหญ่สามัญ พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 6 เมษายน 67 ที่ผ่านมา มีขึ้นในวันเดียวกับวาระการจัดงานครบรอบวันเกิด 2พรรคการเมืองสำคัญ คือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย  แต่สำหรับพรรคก้าวไกล คือการจัดประชุมครั้งแรก นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อกลางปี 2566 ที่ผ่านมา 


 แน่นอนว่าภายในพรรคก้าวไกลเอง แม้วันนี้ แม่ทัพ ระดับหัวแถว ต่างพากันปลุกใจ เรียกขวัญกำลังใจสมาชิก ในยามที่สถานการณ์ เข้าใกล้ จุดอันตราย เข้ามาทุกขณะ  ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชงเรื่องให้ พิจารณายุบพรรคก้าวไกล โดยมี คำวินิจฉัย กรณีเสนอแก้ไขมาตรา 112 ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา 


 จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญ ให้พรรคก้าวไกล ในฐานะ พรรคผู้ถูกร้อง ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง หมายความว่า ในราว วันที่ 18 เมษายน นี้จะครบกำหนดตามที่ศาลรัฐธรรมนูญให้เวลาเอาไว้ 


 15วัน นั้นย่อมไม่ยาวนาน แค่พริบตาเดียว หลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ ไปแล้ว พรรคก้าวไกล ต้องมาลุ้นชะตาของพรรคกันต่อ ซึ่งดูเหมือนว่า ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะประธานคณะก้าวหน้า และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต่างรู้ดีว่า ที่สุดแล้วคำวินิจฉัยจะออกมาแนวใด  ยิ่งฟังการอภิปรายคล้ายการอำลาสภาฯ ของพิธา เมื่อวันปิดการประชุมสภาฯที่ผ่านมา ก็ถือว่ามีความชัดเจนในระดับหนึ่ง 


  แล้วผมก็ไม่เคยเสียใจด้วยว่าการอภิปราย มาตรา152 ในครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการเมืองของผม ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นความลับอะไรทุกคนก็ทราบดีอยู่ว่าชีวิตทางการเมืองของผมตอนนี้ก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย  แต่ผมก็พร้อมที่จะเดินจากไปอย่างผู้ชนะ ไม่ได้มีอะไรติดค้างใจต่อไป (5 เมษายน 67) 


 ปัญหาของพรรคก้าวไกลวันนี้ อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่พรรคจะถูกยุบหรือไม่เท่านั้น แต่สถานการณ์ที่อาจทำให้ พรรคใหม่ ที่ก้าวไกล ไปตั้งสำรองเอาไว้นั้น อาจกวาดสส.ที่เหลือรอดจากคดียุบพรรค ลดน้อยลง เมื่อสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือการที่ พรรคใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ ต่างเป็น ที่หมายใหม่ ของสส.ก้าวไกล ด้วยกันทั้งสิ้น 


 ดังนั้น ความเสียหายที่จะเกิดตามมาจากกรณีที่พรรคก้าวไกล จะถูกยุบนั้น จึงต้องถือว่ากระทบหนัก ทั้งการเสียผู้เล่นหลัก แถวสอง ไปพร้อมๆกับสส. ที่เหลืออยู่ !