เมื่อเป็น พรรคใหญ่ และผงาดขึ้นมาทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่ แกนนำรัฐบาล อย่างเต็มตัว จึงทำให้ พรรคเพื่อไทยวันนี้ จึงไม่ใช่เพียง พรรคใหญ่ เหมือนเมื่อคราวที่อยู่ในสถานะ พรรคฝ่ายค้าน อีกต่อไป เพราะในวันวาน แม้ภายในพรรค อาจจะมีปัญหา กระทบกระทั่งกันอยู่บ้าง แต่ไม่มีปัจจัยว่าด้วยเรื่อง อำนาจ และ เก้าอี้รัฐมนตรี ให้ต้องแย่งชิง !
ตลอดห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ภายนอกพรรค จะมีเสียงอึกทึกและความวุ่นวาย ที่กำลังก่อตัวทั้งจาก ฟาก วุฒิสภา ที่มีแกนนำสว.ตัวตึงออกมาเคลื่อนไหวล่าชื่อสมาชิกให้ครบ 84 คนเพื่อเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153
พร้อมๆกันนี้ ยังปรากฏว่า การเมืองภาคสนาม กำลังเริ่มนับหนึ่งเมื่อ กลุ่มการเมืองภาคประชาชน นำโดย คปท. และเครือข่ายพันธมิตร ประกาศนัดหมายชุมนุมค้างคืนหน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 12-15 ม.ค.นี้เพื่อกดดันรัฐบาล โดยมีประเด็น ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ติดคุกทิพย์ เป็น ชนวนเหตุ
แต่ขณะเดียวกันกลับเกิดปรากฎการณ์ ใหญ่ฟัดใหญ่ แกนนำในเพื่อไทย เปิดหน้างัดข้อกันเอง จนเกิดเป็นที่มาของการให้ รัฐมนตรี ในโควตาพรรคเพื่อไทย ต้องลุกจากสส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งมีรัฐมนตรี ที่ยังเป็นสส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วยกันทั้งหมด 6 คน ได้แก่ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม , สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม , สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ , ประเสริฐ จันทรวงทอง รมว.ดิจิทัลและเศรษฐกิจเพื่อสังคม
สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ลูกสาว กำนันป้อ วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เจ้าของ บ้านใหญ่โคราช และ เกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย
แต่น่าสนใจว่าคนที่ออกมาเปิดประเด็นเรื่องการให้รัฐมนตรี เพื่อไทยลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อคือ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ มือทำงานสายตรง อดีตนายกฯทักษิณ ตั้งแต่ยุครัฐบาลไทยรักไทย โดยที่ภูมิธรรม เองไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นสส.บัญชีรายชื่อ
โดย 3รัฐมนตรีที่ภูมิธรรม บอกกับสื่อเมื่อวันที่เดินทางลงพื้นที่ ที่จ.เลย คือสมศักดิ์ สุริยะ และประเสริฐ ที่จะลาออก และประเด็นที่น่าสนใจ ตามมาคือการที่จนถึงวันนี้ ดูเหมือนรัฐมนตรี ที่ถูกระบุถึง ก็ถูกตั้งคำถามว่า ไม่กลัว ขาลอย อย่างนั้นหรือ เพราะการที่หลุดจากสถานะสส. ย่อมไม่อาจการันตีได้ว่า การปรับครม.ในครั้งต่อๆไป ทั้งสามคนนี้จะได้ ไปต่อ หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ที่ผ่านมา ได้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างภูมิธรรม กับสมศักดิ์ ซึ่งหลายคนในพรรคต่างรู้ดี ขณะเดียวกันการเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าสภาฯ โดยให้คนที่ได้เป็นรัฐมนตรีลาออกจากสส.ปาร์ตี้บิสต์นั้นแม้จะเป็นเรื่องที่เคยปฏิบัติกันมาในยุครัฐบาลไทยรักไทย จนถึงพลังประชาชน ก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์การเมือง ที่ยากจะคาดเดาว่า ความไม่พอใจจาก แกนนำ ในพรรคเพื่อไทยที่พลาดหวังจากเก้าอี้รัฐมนตรี เศรษฐา1 จะไม่กระเพื่อม กลายเป็นคลื่นใต้น้ำรอบใหม่
หมายความว่า การให้รัฐมนตรีลาออกจากสส.ปาร์ตี้ลิสต์ ครั้งนี้ย่อมไม่สามารถการันตีอนาคตทางการเมืองในครม. ให้ได้แล้ว ยังดูเหมือนว่า เป้าโจมตี ยังอยู่ที่สมศักดิ์ และสุริยะ ที่ทั้งคู่เพิ่งกลับเข้าพรรคเพื่อไทย ก่อนการเลือกตั้ง เพียงไม่กี่เดือนอีกด้วยต่างหาก !