ทีมข่าวคิดลึก ถือเป็น "อีเว้นต์" ทางการเมืองที่เกิดขึ้นและได้ผล จนน่าพอใจเพราะแค่เพียง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ปรากฏตัวเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด เมื่อปลายสัปดาห์ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทั้งเธอและ"พี่น้อง ชาวนา" ที่จังหวัดอุบลราชธานีและสุรินทร์ ประหนึ่งอยู่ในที่นั่งเดียวกัน สร้างภาพและอารมณ์ร่วมในฐานะอดีตนายกฯ ที่เข้าใจความทุกข์และหัวอกของชาวนาอย่างที่สุด ! และการพบกันครั้งนี้ ดูเหมือนยิ่งลักษณ์ จะไม่ยอมให้ "เสียเปล่า"เพราะเจ้าตัวขยับเกมต่อเมื่อประเมินสถานการณ์แล้วพบว่า "ได้ผล" หลังจากที่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีปฏิกริยาตอบโต้ ด้วยการส่งเสียงเตือนว่า"อย่าสร้างภาพ" นั่นหมายความว่าการเคลื่อนไหวเดินสายไปยังต่างจังหวัดเพื่อพบปะกับพี่น้องชาวนา ที่กำลังจะหันมา "เผชิญหน้า" กับความสุ่มเสี่ยงที่รัฐบาลและคสช.จะถูกกดดันจาก"ชาวนา" มากขึ้น หากบรรยากาศและสถานการณ์ปัญหาราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำ ยังไม่ดีขึ้น ส่อแววว่าเป็นการเดินไปอย่างถูกทิศถูกทางมากขึ้น เนื่องจากไม่เพียงแต่จะฉวยจังหวะ "ทำคะแนน" กับพี่น้องชาวนาแล้ว ยังสามารถ "ดิสเครดิต" รัฐบาลและ คสช. ได้ในคราวเดียวกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว ยิ่งลักษณ์ คงไม่เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อเชิญชวนให้ "คนกรุงเทพฯ" ร่วมกันซื้อข้าวสารหอมมะลิ ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ถนนรามอินทรา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เรียกว่าเป็นการเดินเกมตีโอบล้อม ยั่วยุ ท้าทาย คสช. ทั้งในต่างจังหวัดและ กทม.ในยามที่ปัญหาราคาข้าวเปลือกต่ำตก กำลังกระหน่ำอย่างหนัก ! อย่างไรก็ดี ปฏิบัติการยั่วยุท้าทาย ฉวยจังหวะเก็บแต้มในครั้งนี้น่าสนใจว่า พรรคเพื่อไทย จงใจวางหมาก เพื่อให้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เป็น "ผู้แสดงนำ" เพื่อปะทะกับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยตัวของเธอเองเช่นนี้นั้น ในอีกด้านหนึ่งอาจกำลังสะท้อนให้เห็นได้ว่า เวลานี้ กลไกทางการเมืองที่อยู่ในมือของ "ทักษิณชินวัตร" อดีตนายกฯ และ "พี่ชาย"ไม่อาจสนับสนุนช่วยเหลือ หรือ ออกหน้าแทน เพื่อประคับประคอง"น้องสาว" ของเขาได้เป็นที่น่าพอใจนัก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่"แกนนำ" ทั้งพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ต่างถูก "ล็อก" แทบขยับขับเคลื่อนอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เหมือนในยามที่เคยรุ่งโรจน์ อีกทั้งยังปรากฏว่าแกนนำน้อยใหญ่ต่างเผชิญกับ "คดีความ"กันถ้วนหน้าล่าสุดที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมามีมติถอดถอน "2 อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย" ทั้ง "นริศร ทองธิราช" อดีต ส.ส.สกลนคร และ "อุดมเดช รัตนเสถียร" อดีต ส.ส.นนทบุรีส่งผลให้ทั้งคู่ ถูกตัดสิทธิในทางการเมือง เป็นเวลา 5 ปีทันที ยังไม่นับรวมในรายของ "จตุพร พรหมพันธุ์"ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่หมดอิสรภาพต้องกลับเข้าเรือนจำเนื่องจากฝ่าฝืนเงื่อนไขการถอนประกัน การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมา"ติง" ไปยังอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ว่า"อย่าสร้างภาพ" นั้นเป็นเพราะต่างรู้ดีว่านี่อาจเป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่ยิ่งลักษณ์ ทำได้ดีที่สุดในยามที่สถานการณ์ "เข้าทาง" แต่หากคิดที่จะ"เล็ง ผลเลิศ" ไปมากกว่านี้ หวังที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ถึงขั้นทำให้รัฐบาล และ คสช.มีอันต้องซวนเซ เห็นจะยากเต็มที เพราะลำพังตัวอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เองนั้นย่อมมี "ชะตากรรม"ที่หนักหนาสาหัสรออยู่เบื้องหน้า เมื่อ"คดีอาญา" ที่อยู่ในศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีโทษ "ติดคุก" เป็นคำตอบสุดท้ายนั้น ยังต้องไปรอลุ้นกันในปีหน้า 2560 หาก "คำพิพากษา" ออกมาก่อน "การเลือกตั้ง" ครั้งหน้า มีขึ้นคงไม่ต้องบอกว่า "แรงสั่นสะเทือน"ที่จะเกิดขึ้นไปยังพรรคเพื่อไทยนั้นจะรุนแรงสักกี่ริกเตอร์ !?