11 พรรค 314 เสียง รัฐบาลเสียงข้างมาก  จับมือกันเดินหน้าทำหน้าที่รัฐบาล ยังไม่ทันครบ 3 เดือน แต่ดูเหมือนว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้  ทั้ง เศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง  และพรรคเพื่อไทย กำลังรับมือกับห้วงเวลาที่หนักหนา มากกว่าใคร 


 ด้วยเหตุหลักๆที่ว่า เพราะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต คนละ 1หมื่นบาท คือนโยบายที่พรรคเพื่อไทย ใช้ในการหาเสียง เมื่อการเลือกตั้งที่ผ่านมา จนทำให้ผู้คนพูดถึงและรอคอยเงินหมื่นกันทั่วบ้านทั่วเมือง  แต่ปรากฏว่า จนถึงเวลานี้พรรคเพื่อไทย และนายกฯเศรษฐา ยังไม่ได้ตอบคำถามอีกหลายด้านเพื่อให้เกิดความกระจ่าง สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น ทั้งประเด็นเรื่องที่มาของเม็ดเงิน 5.6แสนล้านบาท จะมาจากไหน  


 ล่าสุดยังมีประเด็นใหม่ที่ร้อนแรง จนทำให้ นายกฯเศรษฐา ต้องชี้แจงชนิด ข้ามประเทศ ขณะเยือนประเทศจีนเมื่อวันที่ 17 ต.ค.66 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะจ้างบริษัทในเครือข่ายของนายกรัฐมนตรี จัดทำแอพพลิเคชั่นเพื่อมารองรับการแจกเงินดิจิทัล เป็นตัวเลขมากถึง 12,000 ล้านบาท

 โดยนายกฯเศรษฐา ยืนยันไม่มีเรื่องค่าคอมมิชชั่น ไม่มีการหักเบี้ยบ้ายรายทาง หรือถูกหักเงิน 3%  และไม่มีการจ้างเป็นหมื่นล้านบาทอย่างที่กล่าวหา แต่ตัวเลขน้อยมาก และไม่ใช่ประเด็นแน่นอน


   ที่มีการกล่าวหาว่าเป็นการจ้างบริษัทในเครือข่ายของผมนั้น ขอให้ระบุชื่อมาให้ชัด เพราะแสนสิริไม่ได้ทำแอปฯ แน่นอน ส่วนบริษัทเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPGX ) ที่ผมเคยเป็นกรรมการอยู่ ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ขอให้บันทึกว่า 2 บริษัทดังกล่าวไม่ได้เข้ามารับงาน 


 สภาพของนายกฯเศรษฐาและพรรคเพื่อไทย ยามนี้จึงแทบไม่ต่างจาก ตำบลกระสุนตก   เพราะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1หมื่นบาทนั้น ถูกโจมตีแทบทุกประตู ทั้งความกังวลในแง่วินัยการเงิน การคลังของบรรดา นักเศรษฐศาสตร์  การถูกมองว่า เป็นนโยบายที่ หวังผล ในทางการเมือง จากสายตาของ นักการเมือง 
 
 ยังไม่นับรวมการ ขยายความ ไปถึงประเด็นที่ว่าเรื่องนี้จะสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำขัดกฎหมายตามมาหรือไม่ ซึ่งมีการร้องไปยังองค์กรอิสระด้วยกันหลายทาง ! 
 เท่ากับว่าสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยและนายกฯเศรษฐา ที่เพิ่งเริ่มทำงานไปได้เพียง 1เดือนเศษ กำลังถูกตรวจสอบด้วยกันแทบทุกทาง  ยังไม่นับการถูกซักฟอกกลางสภาฯเมื่อพรรคฝ่ายค้าน จ่อยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ผ่านวาระ 3ไปแล้ว
 
 ในท่ามกลางมรสุมของพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล จะทำให้ พรรคร่วมรัฐบาล เองจะวางบทบาท และตำแหน่งของตัวเองอย่างไร แม้วันนี้ พรุ่งนี้ จุดแตก ตามที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ประเมินเอาไว้ว่า ที่สุดแล้วเมื่อ ความเสี่ยง ที่จะผิดกฎหมาย ใกล้เข้ามา เมื่อถึงเวลานั้นจะได้เห็น ท่าที จากพรรคร่วมรัฐบาล ว่าจะออกมาแบบไหน เพราะจตุพร ฟันธงแล้วว่า ไม่มีใครยอมถูกดึงเข้าไปเสี่ยง พากันผิดกฎหมายทั้งครม.แน่นอน !