การทำดีอย่างประเสริฐถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นั้น คือการสร้างสังคมไทยให้ดีงาม วิธีสร้างสังคมให้ดีงามคือ พยายามขจัดอกุศลมูลในตัวเราทุกคน
อกุศลมูลคือ โลภ โกรธ หลง
โลภ โกรธ หลง นั้นมีอยู่กับทุกคนก็จริง แต่ถ้าตั้งมั่นจะทำวามดีกันจริง ๆ ก้จะเกิดสติ ป้องปราม กำราบมันได้
ถ้าคนจำนวนมากขจัดอกุศลมูล ควบคุมมันไว้ได้ สังคมก็จะเป็นสุขขึ้นมาก
และเป้าหมายที่ต้องเรียกร้องกันมากคือ คนกลุ่มที่มีอำนาจ เป็นนักปกครอง เป็นนักการเมือง เป็นเศรษฐี
เพราะแม้เอกชนคนเล็กคนน้อยจะมีอกุศลมูลในใจ คือ โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นการหาทุกข์ให้กับตนเท่านั้น ทำอะไรจะหาความสุขความเจริญได้ยาก แต่สำหรับเอกชนบุคคลแต่ละคนนั้น ถึงจะมีอกุศลมูลทำความเดือดร้อนให้กับตัวเองหรือคนที่รู้จักเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังไม่สู้กระไร แต่ถ้าเป็นนักปกครอง เป็นนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในทางนิติบัญญัติก็ดี ในทางบริหารประเทศก็ดี มีหน้าที่ที่จะต้องทำงานเกี่ยวกับคนส่วนมาก แล้วคนพวกนี้มีอกุศลมูล คือโลภ โกรธ หลง แล้ว ประโยชน์ของบ้านเมืองของปวงชนย่อมเสียไป และเสียไปได้มาก
ฉะนั้น สิ่งที่นักปกครอง นักการเมืองหรือใครก็ตามที่จะเป็นนักการเมือง ต้องคิดไว้ประจำใจก็คือว่า ต้องหาทางขจัดอกุศลมูลในใจของตน คือโลภโกระหลงนั้นให้หมดไป หรือให้เบาบางที่สุด ยิ่งไม่มีเหลือเลยได้ยิ่งดี
คนเราเมื่อมีโกรธ มีโลภ มีหลง แล้วก็ย่อมจะทำอะไรที่ผิด สั่งการผิด ตัดสินใจผิด ถ้าคนแบบนี้ได้เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศ หลงตัวเองว่าเป็นผู้วิเศษกว่าคนอื่น ไม่ยอมฟังความเห็นใครเลย ไม่ยอมฟังเสียงใครเลย แล้วสั่งการเฉพาะความเห็นของตน การสั่งการแบนี้จักต้องผิดพลาด และเมื่อผิดพลาด ผลร้ายก็ต้องอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ อยู่กับคนที่อยู่ใต้การปกครอง ความโลภก็เช่นเดียวกัน เมื่อเป็นฐานะใหญ่โต เป็นผู้แทนราษฎรก็ดี เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเกิดความโลภเสียอย่าง จะเป็นโลภอามิส โลภชื่อเสียง เป็นโลภอะไรก็ตามที งานที่จะทำต่อไปอันประกอบด้วยความโลภนั้นก็จะต้องเป็นผลเสียหายแก่บ้านเมือง ผลเสียหายแก่ประชาชนทั้งชาติเช่นเดียวกัน
อกุศลมูลของคนเล็กคนน้อยนั้นก่อความทุกข์ให้กับเจ้าตัว และอย่างมากก็กับคนรอบข้างจำนวนหนึ่ง แต่อกุศลมูลของคนที่มีอำนาจ มีตำแหน่งใหญ่โต จะโดยการแต่งตั้งหรือการเลือกตั้งก็ตาม จะก่อผลเสียหายต่อสังคมได้มาก สังคมไทยก้เสียหายจากอกุศลมูลของนักปกครอง นักการเมือง มามากแล้ว
ที่เห็นกันชัดคือความโลภในอามิส กอบโกยอะไรต่าง ๆ ด้วยการเบียดเบียนประชาชนที่เขาเสียภาษีอากร เงินทองเป็นงบประมารแผ่นดินที่ไปช่วยเหลือสร้างสรรค์ให้กับประชาชนนั้นมักจะละลายหายไป 10% 20 % 30% เพราะความโลภของผู้บริหารประเทศ
ฉะนั้นอกุศลมูลทั้งสามอย่างนี้ ถ้ามีในนักการเมืองแล้วย่อมจะเกิดผลร้ายเป็นอเนกประการ แต่ผลร้ายที่ร้ายแรงที่สุดย่อมตกแก่คนทั้งประเทศ