เสือตัวที่ 6

เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองระดับชาติกำลังเดินหน้าสู่การบริหารจัดการภายใต้คณะรัฐบาลใหม่ ที่ต้องขับเคลื่อนการแก้ปัญหาที่ยังมีอยู่ รวมทั้งต้องพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานที่ก่อร่างสร้างผลงานมาแล้ว ในอดีตให้มีความคืบหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการแก้ปัญหาความไม่มั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่หลายยุคหลายคณะทำงานระดับนโยบาย ตั้งแต่ระดับชาติจนถึงระดับพื้นที่ภาคใต้ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการต่อสู้กับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนปลายด้ามขวานมาแล้วระดับหนึ่ง จนถึงวันนี้ ฝ่ายรัฐสามารถควบคุมการต่อสู้ด้วยอาวุธของฝ่ายขบวนการร้ายแห่งนี้ไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจซึ่งแม้จะมีการ  ก่อเหตุร้ายอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่กระนั้น หน่วยงานความมั่นคงภาครัฐก็สามารถลดโอกาสการก่อเหตุร้ายของกองกำลังติดอาวุธของขบวนการลงได้อย่างเห็นได้ชัด และสามารถบีบบังคับให้แกนนำฝ่ายขบวนการแห่งนี้จำต้องหันมาต่อสู้ด้วยปัญญาความคิดกับรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หลายๆ ความสำเร็จตามแผนงาน โครงการของรัฐต่างๆ ที่กำลังขับเคลื่อนอยู่นั้น จำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะการต่อสู้ของกลุ่มคนในขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่แห่งนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกการต่อสู้ของขบวนการร้ายแห่งนี้ล้วนมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การต่อสู้ไปตลอดเวลา และเมื่อใดที่การต่อสู้ของคนกลุ่มนี้ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้ผลสำเร็จตามแผนที่วางไว้ แกนนำของคนกลุ่มนี้ ก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ เมื่อการต่อสู้ด้วยอาวุธของพวกเขาไม่สามารถเดินหน้าตามแผนบันได 7 ขั้นได้ แกนนำขบวนการ ก็ปรับเปลี่ยนไปเป็นการมุ่งเน้นการต่อสู้ทางความคิดอย่างแหลมคม ควบคู่กับการต่อสู้ด้วยการแสวงหาแนวร่วมในองค์กรระหว่างประเทศตลอดจนประเทศที่มีอิทธิพลของโลกอย่างเข้มข้น รวมทั้งมุ่งแสวงประโยชน์จากแนวคิดระดับสากลนั้นคือ เงื่อนไขสิทธิ  การกำหนดอนาคตของตนเอง (RSD) ที่ปรากฏให้เห็นอย่างจริงจังในกิจกรรมของกลุ่มนักศึกษา ในขบวนการนักศึกษาแห่งชาติที่ผ่านมาที่หาญกล้าจัดกิจกรรมให้มีการออกเสียงในประเด็นเอกราชที่ ล่อเเหลมต่อความมั่นคงของชาติอย่างอหังการ

การต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนปลายด้ามขวานของคนกลุ่มนี้มีความต่อเนื่องรุ่นแล้วรุ่นเล่า จากยุคสมัยหนึ่งต่อเนื่องสู่อีกยุคสมัยหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเข้มข้นตามแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่เป้าหมายสุดท้ายอย่างชัดเจนและทรงพลัง ในขณะที่การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาของรัฐ เพื่อต่อสู้กับคนในขบวนการแบ่งแยกดินแดนนั้น ดูประหนึ่งว่ามีแผนยุทธศาสตร์การต่อสู้ที่ต่อเนื่อง หากแต่ในแท้ที่จริงแล้วแผนงาน โครงการต่างๆ ของรัฐ กลับไม่มีความคงเส้นคงวาเท่าที่ควรจะเป็น ด้วยเมื่อใดที่มีการเปลี่ยนผู้นำระดับชาติ ทั้งผู้นำรัฐบาล ผู้นำระดับกระทรวงกลาโหม จนถึงผู้นำหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้ ก็จะมีผลต่อการเปลี่ยนแนวนโยบายของรัฐในการแก้ปัญหาและเปลี่ยนทิศทางการต่อสู้กับขบวนการร้ายแห่งนี้ในทุกการเปลี่ยนแปลงเสมอ ซึ่งนั่นย่อมมีผลกระทบต่อการต่อสู้ของรัฐที่มีต่อคนกลุ่มนี้ให้พลังในการต่อสู้ของรัฐลดน้อยถอยลงอย่างมาก และที่ผ่านมา  ก็สามารถแลเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น ที่ส่งผลให้การต่อสู้ของรัฐไม่บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ ที่วางไว้อย่างน่าเสียดายและในโอกาสที่รัฐกำลังมีคณะบริหารระดับชาติกลุ่มใหม่ มีผู้นำระดับกระทรวงกลาโหมท่านใหม่ที่รับผิดชอบความมั่นคงของชาติในทุกมิติ รวมทั้งความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้   ซึ่งย่อมมีผลต่อกระบวนการแก้ปัญหาและการต่อสู้กับคนในขบวนการร้ายแห่งนี้ที่ไม่มีการส่งต่ออำนาจ การบริหารจัดการตามวาระเหมือนกับภาครัฐของไทย จึงย่อมมีผลต่อกระบวนการขับเคลื่อนการต่อสู้ของรัฐอย่างน่ากังวล

ดังนั้นการกำหนดตัวบุคคลระดับกระทรวงกลาโหมที่จะเป็นผู้รับผิดชอบการแก้ปัญหาเพื่อรักษาความมั่นคงในเอกราชและบูรณภาพแห่งอาณาเขตของรัฐ จึงต้องเป็นคนที่มีทั้งความรู้และความสามารถในประเด็นของสถานการณ์การต่อสู้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เป็นสำคัญที่นอกเหนือจากการดูแลความมั่นคงในมิติอื่นๆ ของชาติอีกด้วย พร้อมกับการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเป็นทีมนักคิดและนักบริหารจัดการกลุ่มหนึ่งที่มีความรู้ ความสามารถระดับเชี่ยวชาญในการต่อสู้กับขบวนการร้ายแห่งนี้อย่างแท้จริง เพื่อเป็นทีมมันสมองขององค์กรระดับนโยบายของรัฐ สามารถผลิตชุดความรู้ที่เท่าทันและรุดหน้าชุดความรู้ของ นักคิดของขบวนการร้ายแห่งนี้ ที่มีความต่อเนื่องในนโยบายและการขับเคลื่อนการต่อสู้กับขบวนการแห่งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทีมงานกลุ่มนี้ของรัฐจะต้องผลิตแผนที่เส้นทาง (Road Map) ระยะปานกลางที่มีระยะเวลาอย่างน้อย 5 ปี เพื่อให้การขับเคลื่อนการต่อสู้ของรัฐมีความต่อเนื่องในระยะที่สามารถเห็นผลสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม

และทีมงานกลุ่มนี้จะต้องเป็นนักประสานงานที่ยอดเยี่ยม สามารถสร้างความร่วมมือกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายได้เป็นอย่างดีเพื่อให้การนำนโยบายและแผนงานระดับกระทรวง ถูกแปลงไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมมีการติดตามประเมินผลสำเร็จตามห้วงเวลาอันเหมาะสมเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การต่อสู้ของรัฐอย่างทันท่วงที และที่สำคัญยุทธศาสตร์ระดับพื้นที่ แผนงานและโครงการทั้งหลายที่นักคิดของคณะทำงานหรือทีมงานกลุ่มนี้ผลิตชุดความรู้และกลยุทธ์ทั้งหลายนั้น จะต้องสร้างสรรค์ต่อยอดจากผลงานความคืบหน้าจากการดำเนินการขับเคลื่อนในห้วงที่ผ่านมาได้อย่างแนบแน่น เพื่อให้การดำเนินการขับเคลื่อนการต่อสู้ของรัฐที่กำลังเดินหน้าไปสู้ความสำเร็จต่างๆ เหล่านั้นสามารถ  ต่อยอดสู่ความสำเร็จได้อย่างทรงพลัง