ยังไม่มีใครบอกได้ว่า ฉากสุดท้ายของความสัมพันธ์ระหว่าง 8พรรค ที่ประกาศจับมือตั้ง รัฐบาลเสียงข้างมาก จะจบลงที่ตรงไหน การยุติความสัมพันธ์ ที่อาจไม่ได้แน่นแฟ้นกันมากพอ จะมีขึ้นเมื่อใด แต่สิ่งที่แน่นอน ณ วันนี้คือความหวาดระแวง ที่มีต่อกันกำลังลุกลาม และส่อเค้าบานปลาย ! 


 เมื่อMOU คือข้อตกลงร่วม แต่ไม่ใช่ข้อผูกมัดหรือบทบัญญัติที่บังคับ จนพรรคใดพรรคหนึ่งขยับกันไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งนานวันการตั้งรัฐบาลใหม่ที่ล่าช้าหลังการเลือกตั้งผ่านพ้นมานานถึง 2 เดือน นับจากวันที่ 14 พ.ค.66 เป็นต้นมา 


 เมื่อการจัดตั้งรัฐบาล อย่างเป็นทางการกลับ ติดกับดัก อยู่ที่การโหวต นายกฯคนที่30 เพราะชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ไม่ผ่านด่าน วุฒิสมาชิก  บวกกับเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่สส. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยในคำร้องว่าด้วยคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีถือหุ้นไอทีวี  
 นอกจากนี้ ชื่อพิธายังไม่สามารถฝ่าด่าน ในรัฐสภาเมื่อผลสรุปถูกตีตก จากเสียงข้างมาก ไม่ให้มีการเสนอชื่อซ้ำ เพราะขัดต่อข้อบังคับการประชุมสภาฯ 
 จากเหตุที่เกิดขึ้น จึงนำมาสู่ผล ที่ทำให้ พรรคเพื่อไทย พรรคอันดับสอง ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ แกนนำจัดตั้งรัฐบาล วิ่งหาเสียงในทุกทาง ทั้งจาก สว. ด้วยการส่ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค ไปประสาน พร้อมๆกันนั้น ทีมเจรจา ที่นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เปิดเกมเร็ว ใช้เวลาช่วงวันหยุด เปิดพรรค ตั้งโต๊ะเจรจากับ 5พรรคการเมือง


 แน่นอนว่าหากการเจรจาที่เกิดขึ้นของพรรคเพื่อไทย ไม่เจาะเข้าไปที่ 188เสียง ในปีก ขั้วอำนาจเดิม  อาจทำให้ ข่าวลือ เรื่องการจับมือแบบพลิกขั้วเพื่อตั้งรัฐบาลด้วย สูตรใหม่ โดยที่ ไม่มีพรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างชาติ คงไม่เข้าใกล้ ความจริง 


 ขณะที่พรรคเพื่อไทย เปิดพรรคพูดคุย แกนนำ5พรรค ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคภูมิใจไทย ล้วนแล้วแต่ถูกมองว่า นี่คือการจงใจส่งสัญญาณ ขอแยกทาง กับพรรคก้าวไกล อย่างชัดเจนแม้จะไม่ตรงไปตรงมา


 ยิ่งเมื่อทั้ง 5 พรรคล้วนยื่นเงื่อนไข ไม่เอาพรรคก้าวไกล ย้ำเป็นเสียงเดียวกัน มีก้าวไกล ไม่มีเรา ทุกพรรคที่มาเจรจาบอกเป็นเสียงเดียวกัน ยินดีสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และไม่ติดเรื่องการทำงานด้วยกัน แต่ติดแค่ยังมีพรรคก้าวไกล อยู่ในสมการ รัฐบาลเสียงข้างมาก 


 และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือการเชิญพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งต่างเป็นพรรคที่ ก้าวไกล ย้ำบนเวที ในการหาเสียงตลอดมา มีเรา ไม่มีลุง มีลุง ไม่มีเรา  
 การเชื้อเชิญด้วยไมตรี จากพรรคเพื่อไทย ส่งเทียบไปถึง ขั้วอำนาจเดิม  กำลังดำเนินไปอย่างคึกคัก สลับกับเสียงเรียกร้องจาก หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยที่ขอให้พรรคก้าวไกล เสียสละไปเป็น ฝ่ายค้าน อาจไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก เมื่อหลายวันที่ผ่านมา พิธา ประกาศบนเวทีในการเดินสายพบปะประชาชน ที่ชลบุรี ระยอง ว่า พรรคก้าวไกล จะไม่ยอมถูกถีบออกจากสมการ 


 สถานการณ์เช่นนี้คือโจทย์ที่ไม่ง่ายนัก สำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าก้าวไกล จะสู้ต่อ ด้วยเกม นอกสภาฯ  จากนี้หรือไม่ !?