สถาพร ศรีสัจจัง

หลังชัยชนะแบบ “หมูในอวย” พรรคเพื่อไทยที่มี “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาวคนสวยของอดีตนายกฯทักษิณ (ผู้จำต้องนิราศ) ด้วยคะแนนเสียงถึง 265 ที่นั่ง โดยสโลแกนโฆษณาหาเสียงประหลาดมหัศจรรย์ที่ว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” (แต่กกต.ไทยเห็นว่าไม่ใช่การครอบงำพรรค) โครงการ “ประชานิยม” จำนวนมากมายก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น พร้อมๆกับ “แรงต้าน” จากพลังการชุมนุมของประชาชนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ก่อหวอดรุนแรงขึ้นเช่นกัน

ด้วยปัญหามากมายที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก่อขึ้นในหลายกรณี เช่น  การทุจริตใน “โครงการจำนำข้าวทุกเมล็ด” “การนำเสนอกฎหมายที่เรียกกันว่า “กฎหมายนิรโทษฯสุดซอย จนถึง การแทรกแซงการย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเปิดทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์  ดามาพงศ์ เครือญาติตนเองได้เข้าสู่ตำแหน่งผบ.ตร. โดยสะดวก ทำให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหลุดจากตำแหน่ง “รักษาการนายกฯ โดยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557(หลังการยุบสภาฯเมื่อ 9 ตุลาคม 2556) 

และถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากคดีทุจริต “โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด”

เธอหลบหนีคดีโทษจำคุกออกนอกประเทศ(ฟังว่าโดยเส้นทางธรรมชาติ)ไปสมทบกับดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯผู้พี่ชายที่หนีคดีไปก่อนแล้ว

หลังจากนั้น รัฐบาลรักษาการของเธอที่มีนายนิวัติธำรง  บุญทรงไพศาล เป็น “ร่างทรง” ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ก็ถูกรัฐประหารยึดอำนาจ ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

เป็นที่น่าตื่นตะลึงยิ่งนักว่า ในห้วงเวลา 2 ปีกว่าๆ  ในการขึ้นบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ “นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก” วัย 41 ปี นามยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ได้สร้างปรากฏการณ์ทางการเมือง ชิ้นใหญ่ๆไว้หลายเรื่อง จนเป็นที่กล่าวขานกันในวงการการเมืองไทยสืบเนื่องต่อมาอย่างไม่ขาดปากตราบจนปัจจุบัน

ที่ควรจะบันทึกพูดถึงไว้ให้เป็นที่ประจักษ์์น่าจะมีสัก 3-4 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ เรื่องมหากาพย์ “โครงการจำนำข้าวทุกเมล็ด”  เรื่อง “กฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย”  เรื่อง “แทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการ กรณี นายถวิล  เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” และเรื่อง “สงครามสี” หรือความแตกแยกอย่างรุนแรงทางการเมืองของประชาชนคนไทย!

เรื่องแรก คือเรื่อง “โครงการจำนำข้าวทุกเมล็ด” เป็นโครงการที่รัฐบาลภายใต้การนำของคุณยิ่งลักษณ์ ถูกกล่าวหาว่า “โกง” หรือ “คอร์รัปชัน” หรือ “ฉ้อฉล” กันแบบมโหฬารที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา มีคดีที่คุณยิ่งลักษณ์ และบุคคลในคณะรัฐบาล รวมไปถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ถูกฟ้องดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก

มีบางคดีที่ศาลตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว และเป็นคดีที่คุณยิ่งลักษณ์ เองถูกศาลพิพากษา(ถึงที่สุด)ให้ลงโทษจำคุกรวม 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโครงการคือนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และนายภูมิ สาระผล ถูกศาลพิพากษาให้จำคุกคนละมากกว่า 10 ปี ยังติดคุกกันอยู่จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2566) ส่วนข้าราชการและกลุ่มพ่อค้าคนสนิทที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ก็ติดร่างแหถูกจำคุกไปกันแทบจะถ้วนหน้า

คดี “โกงจำนำข้าวนี้” มีความสำคัญขนาด สถาบัน “TDRI” ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการศึกษาวิจัยสังคมไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เชื่อถือมาก ถึงกับลงมือทำการวิจัยลงลึก แล้วนำเสนอข้อมูลต่อสังคม ที่ใครๆเมื่อได้อ่านแล้ว จะต้องรู้สึกว่าน่า “ขนพองสยองเกล้า” เป็นอย่างยิ่ง ในความที่ประเทศไทยต้องสูญเสียงบประมาณของชาติ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างมหาศาล(เฉพาะที่ปรากฏหลักฐาน)

ตัวเลขที่สูญเสียเป็นหนี้เป็นสินนั้นนับจำนวนได้เป็นหลายแสนล้านบาทไทย!

งานวิจัยชิ้นนี้จัดทำโดยศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักเศรษฐศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง และคณะ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.อัมมาร์  สยามวาลา นักเศรษศาสตร์ไทยผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวเป็นที่ปรึกษา

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน (อย่างน้อยก็ก่อนเดือนกรกฎาคม 2566) เคยแถลงในสภาผู้แทนราษฎรว่า รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณใช้หนี้ในเรื่องที่เกิดจากโครงการดังกล่าวนี้มากกว่า 7 แสนล้านบาท!

เรื่องที่สอง คือเรื่องแทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการ กรณีนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ อย่างไม่เป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้เครือญาติตัวเองคือพล.ต.อ.เพรียวพันธ์  ดามาพงศ์ ได้เข้าสู้ตำแหน่ง ผบ.ตร.ได้สะดวกขึ้น 

นายถวิลร้องเรียนศาลรัฐธรรมนูญ และศาลลงมติให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ดังที่ได้กล่าวมาแล้วแต่ตอนต้น

เรื่องสุดท้ายที่ต้องพูดถึง (เพราะมีความสำคัญยิ่งทางการเมือง) คือเรื่อง “กฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย” 

เรื่องนี้นับเป็นชนวนใหญ่ในการชุมนุมของ “คนเสื้อเหลือง” กลุ่ม “กปปส” ที่นำโดย “ลุงกำนัน” คือนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ฝ่ายตรงข้ามกับ “คนเสื้อแดง” หรือ “นปช.” ที่หนุนพรรคเพื่อไทย) เป็นกฎหมายที่เสนอโดยนายวรชัย  เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดสมุทรปราการ 

สุดท้ายมีการแก้ร่างกันจนกลายเป็นการนิรโทษกรรมให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศด้วย !

จึงเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงขึ้นในกลุ่มประชาชน มีการใช้อาวุธสงครามจากบางฝ่าย มีคนเสียชีวิตจากการชุมนุมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ในท้ายที่สุดจะมีการยกเลิกการนำเสนอกฎหมายดังกล่าวต่อวุฒิสภาแล้วก็ตาม

และแม้นายกฯยิ่งลักษณ์ จะประกาศยุบสภาฯในวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเวลาต่อมา ก็ไม่สามารถยุติปัญหาและลดอุณหภูมิความร้อนแรงทางการเมืองลงได้แต่อย่างใด จนท้ายที่สุด คณะทหารตำรวจภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ขณะนั้น ต้องทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย(ของทักษิณ  ชินวัตร?) ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 !