กลายเป็น ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ ขึ้นมากลางดึก เมื่อมีความชัดเจนว่า การนัดหมายของทีมเจรจา ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ต้องเลื่อนออกไปก่อน  และอาจไม่มีกำหนด เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใครลดราวาศอก ไม่มีใคร ยอมถอยอย่างแท้จริง


 ทำเอาอีก 6 พรรค ที่ประกาศตัวเข้าร่วมรัฐบาลเสียงข้างมาก อดหวั่นไหวไม่ได้ว่าแล้วการตั้งรัฐบาล จะสำเร็จ เสร็จสิ้นบรรลุเป้าหมาย พากันเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล ด้วยกันหมดได้หรือไม่  


 ยิ่งนานวัน สถานการณ์ทางการเมืองที่เคย เป็นต่อ เมื่อ 8 พรรคการเมืองประกาศจับมือ ชู 312เสียง ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก เคยได้รับการยอมรับว่ามีความแข็งแกร่งยิ่งกว่า เรือเหล็ก ของ ขั้วรัฐบาลเดิม ที่มี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม  แต่ปรากฏว่า เรือเหล็ก ของ ว่าที่รัฐบาลใหม่กำลังเจอกับคลื่นลม และศึกใน ศึกนอกประดังเข้าใส่ 


 วันนี้ปัญหาเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถหา ข้อสรุปร่วมกันได้อย่างลงตัว แม้จะมีการเสนอสูตรใหม่เพื่อหวังจบความขัดแย้ง โดยมีรายงานว่า พรรคเพื่อไทยจะยอมถอย ไม่ยึดอยู่กับสูตรการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี กับประธานสภาฯ นั่นคือสูตร 14+1 ที่เคยตกลงกันเอาไว้กับพรรคก้าวไกล ที่จะได้ 14 รัฐมนตรี บวกกับ 1 เก้าอี้นายกฯ 


 แต่จะยอมถอยไปใช้สูตร 13+1  คือได้รัฐมนตรี 13 เก้าอี้ บวกกับ ประธานสภาฯ แต่มีการขมวดท้ายเอาไว้ว่า พรรคเพื่อไทยเองต้องประเมินต่อไปว่าการสละเก้าอี้รัฐมนตรี 1 ที่นั่งนั้น คุ้มค่าหรือไม่ 


 ขณะที่พรรคก้าวไกลเอง ดูเหมือนว่า นาทีนี้ หนทางที่จะเดินหน้าไปสู่นายกฯ ของพิธา  เต็มไปด้วยขวากหนาม  ทั้งจากปัญหาการตกลงเก้าอี้ประธานสภาที่จไม่ลงตัวกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังพบว่าทิศทางลมภายนอก ก็แทบไม่มีอะไร เป็นใจนัก 


 อย่าลืมว่า ปัญหาของพรรคก้าวไกล ที่จะกลายเป็นการ ผลักมิตร ออกจากตัวคือการที่ไม่ยอม ลดเพดาน การประกาศเดินหน้าเสนอแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือล่าสุดคือการที่ คนของพรรคอย่าง รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปพูดในวงเสวนาด้วยการเสนอให้เปลี่ยน วันชาติ มาเป็นวันที่ 24 มิถุนายน ทั้งที่รู้ดีว่า ประเด็นนี้มีความเปราะบาง และกระทบต่อใจ ประชาชนที่รักสถาบันไม่น้อย


 แต่เหนืออื่นไปกว่านั้นคือการที่ แกนนำของพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย เองออกตัว ไม่เอาด้วย พร้อมทั้งบอกว่า ประชาชนเลือกเราเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง ไม่ใช่ให้มาสร้างความขัดแย้ง 


 เวลานี้กำลังเกิดคำถามใหม่ว่า แท้จริงแล้ว อะไรที่ทำให้ พรรคก้าวไกล นอกจากจะไม่ลดเพดานเรื่องมาตรา 112 แล้วยังเติมฟืนเข้าไปในกองไฟด้วยการเปิดประเด็นใหม่ ที่กระทบใจผู้คนในสังคม แต่ที่สุดแล้ว คนที่จะเดือดร้อน และยิ่งทำให้ มิตร ออกห่าง คงไม่พ้นคนชื่อ พิธา อยู่ดี !?