ไม่ใช่เรื่องใหม่ สำหรับเรื่องวันชาติของไทยที่เดิมเป็นวันที่ 24 มิถุนายน เปิดกูเกิลก็สามารถค้นคำดังกล่าวได้    

ทว่าด้วยปัจจุบันวันชาติไทยนั้น ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งตรงวันพระบรมราชสมภพ พระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะใช้วันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์เป็นวันชาติ เช่น อังกฤษ

ดังนั้น โดยหลักการแล้ว ถ้าหากจะมีการเปลี่ยนแปลงวันชาติกันจริงๆ ก็จะต้องเปลี่ยนไปตามวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งก็ไม่ใช่วันที่ 24 มิถุนายน

ส่วนในประเด็นที่อยากจะเฉลิมฉลองกัน เพื่อรำลึกคุณูปการการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คงไม่มีใครห้าม เพราะเห็นว่าคนในคณะก้าวหน้าก็ทำกันอยู่แล้วเป็นที่เอิกเกริก เห็นได้จาก น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก็ได้โพสต์ข้อความว่า ได้มีการเฉลิมฉลองด้วยการจัดนิทรรศการ ตั้งวงพูดคุยและเครื่องดื่มกันอย่างคึกคักอยู่แล้ว

และหากจะให้ประชาชนเห็นความสำคัญในวันดังกล่าว ก็มีกลวิธีต่างๆ ที่สติปัญญาของคลังสมองแห่งพรรคก้าวไกลน่าจะสามารถนำเสนอต่อรัฐบาลได้ ยิ่งถ้าเป็นรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำด้วยแล้ว และก็น่าจะหาเสียงสนับสนุนได้ง่าย

ไม่เห็นมีความจำเป็นใดๆจะต้องมายึดโยงกับคำว่า “วันชาติ”เลย

“เราจะเฉลิมฉลองวันที่ 24 มิถุนายน อย่างเต็มภาคภูมิ และนั่นคือวันชาติอย่างแท้จริง...”(นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล)

จึงมีคำถามตามมาว่า จะพูดเพื่ออะไร

การส่งเสริมสิ่งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องทำลายอีกสิ่งหนึ่ง หรือด้อยค่าเสมอไป

ท่ามกลางสถานการณ์หว่างเขาควาย ที่รัฐบาลใหม่ยังลูกผีลูกคน ความหวาดระแวงและความไม่ไว้วางใจของฝ่ายตรงข้ามกับพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะประเด็นที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบัน ไม่ควรนำมาเล่นเอาล่อเอาเถิดกันเช่นนี้