4 ก.ค.66 คือวันที่จะชี้วัดว่า ดีลลับ นั้นมีจริงหรือไม่ หรือจะเป็นเพียง ข่าวลือ ที่ลอยลมมาเพื่อเขย่าขวัญ 8พรรครัฐบาลใหม่ เท่านั้น แต่ไม่มีอะไรในกอไผ่ !  

 4 ก.ค.คือวันเลือกตำแหน่ง ประธานสภาฯ และ รองประธานสภาฯ อีก 2 เก้าอี้ ซึ่งแน่นอนว่าเก้าอี้ที่กลายเป็น ชนวน คือตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ที่แม้จะเป็น พรรคร่วมรัฐบาล ด้วยกัน แต่กลับเคลียร์กันไม่ลงตัว 
 แม้ฟากพรรคเพื่อไทย จะส่ง ทีมเจรจา นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ประสานพูดคุยกับพรรคก้าวไกล  แต่จนถึงวันนี้ การเจรจาระหว่างสองพรรค ยังไม่ได้ข้อยุติ  มิหนำซ้ำยังมีการโยนชื่อ สุชาติ ตันเจริญ  แกนนำพรรคเพื่อไทย ลงมาชิงเก้าอี้ประธานสภาฯกับพรรคก้าวไกล ที่ล่าสุด เคาะกันออกมาแล้วว่า พรรคจะเสนอชื่อ ปดิพัทธ์ สันติภาดา  ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะกรรมการบริหารพรรค 
 ในความเป็นจริงแล้ว หลายคนในพรรคเพื่อไทย รู้ดีว่า ตัวสุชาติเองไม่ต้องการตำแหน่ง ประธานสภาฯ หากแต่มองไปยังเก้าอี้ รัฐมนตรี กระทรวงใด กระทรวงหนึ่งมากกว่า  แต่เมื่อมีรายการ โยนชื่อสุชาติ ลงมากลางสนาม เพื่อชนกับคนของพรรคก้าวไกล เช่นนิ้ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือหรือข่าวปล่อย แต่จนถึงวันนี้ สุชาติเองก็ยังไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อ เพื่อชี้แจงประเด็นนี้แต่อย่างใด 

 ล่าสุดนพ.ชลนาน ให้สัมภาษณ์สื่อโดยยอมรับว่า เขาเองมีความกังวลว่าหาก ขั้วรัฐบาลเดิม 188 เสียง เคลื่อนไหวเพื่อ ตั้งรัฐบาลแข่ง กับ 312เสียง 8พรรค 

  ก็มีความเป็นไปได้ เพราะเขามีสิทธิที่จะทำ หากเขาทำเช่นนั้นโอกาสได้นายกรัฐมนตรีสูงมาก เพราะเขามีเสียง 188 บวกกับ ส.ว. 250 ก็เกิน 276 เสียง ก็ถือเป็นข้อกังวล แต่หากการโหวตครั้งแรกๆ เขาน่าจะมีความละอาย ไม่เกรงกลัวต่อบาปก็ได้ ดังนั้น เขาน่าจะละอายที่ไม่เสนอชื่อนายกฯเสียงข้างน้อยมาแข่ง อย่างไรก็ตาม หากเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง เรามีหน้าที่รับมือไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น (27 มิ.ย.66) 

 อย่างไรก็ดีดูเหมือนว่าหลายสิ่งหลายอย่าง ประดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ฟาก 8พรรค รัฐบาลใหม่ กำลังเผชิญหน้ากับคำถามจากประชาชน ว่าพวกเขาจะตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการตั้งรัฐบาล มาแข่งชนิด ข้ามขั้ว เกิดบิ๊กเซอร์ไพรส์ มีการจับมือกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ และดึง พรรคภูมิใจไทย เข้ามา โดยที่พรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรม พรรคไทยสร้างไทย ถูกเทกลายเป็นไปฝ่ายค้าน ตามที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ 

 ก่อนหน้านี้มีการจับตาว่า ด่านหินที่สุดที่ พิธา จะต้องฝ่าไปให้ได้คือ ส.ว. ทำอย่างไรจึงจะได้ 64 เสียง เพื่อโหวตให้พิธา ได้เป็นนายกฯ แต่ดูเหมือนว่า ด่านเลือกประธานสภา ในวันที่ 4 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนโหวตนายกฯที่คาดว่าจะมีขึ้นในราวกลางเดือนก.ค. อาจกลายเป็น จุดเปลี่ยน เป็นเหมือนจุดวัดใจ ที่ชี้ว่า 8 พรรครัฐบาลใหม่ จะเดินไปด้วยกัน หรือมาถึง ทางแยก  กันแล้ว !