สายลมการเมืองเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนทิศ แล้วหรือไม่ ? 


 เมื่อมีความเคลื่อนไหวจาก ฝั่ง บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ที่นั่งรักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทยอยเก็บของใช้ส่วนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาล แล้วเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา  คล้ายกับเป็นสัญญาณ ถอย ให้ รัฐบาลใหม่ 


 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าพล.อ.ประยุทธ์ เองได้เคยออกมาแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ป้ายแดง ที่ชนะเลือกตั้ง เข้าสภาฯมาได้ ส่วนเรื่องการตั้งรัฐบาลนั้น คงไม่วิจารณ์เพราะไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องเรื่องการตั้งรัฐบาลด้วย  และยังระบุด้วยว่า ขอให้อยู่กันให้ครบ

 
 แต่เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขยับชุดใหญ่ ประกาศรับรองส.ส.ครบทั้ง 500 คน ทั้งส.ส.เขตและส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ในวันเดียวกัน คือ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเร็วกว่ากรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดวันสุดท้ายเอาไว้ที่ 13 ก.ค. นั่นจึงทำให้ ไทม์ไลน์ทางการเมือง ขยับเร็วร่นระยะเข้ามา 


 เมื่อด่านแรก ที่กกต.ประกาศรับรองส.ส.ครบทั้ง 500 คน  จากนั้นบรรดาส.ส.ใหม่ทยอยรายงานตัวต่อสภาฯ ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เป็นต้นมาไปจนถึงวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย. ย่อมส่งผลให้ วาระการเลือก ประธานสภาฯ  จะเป็นด่านที่สอง ที่กำลังถูกจับตามองว่า ความขัดแย้งจากการชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ จะทำให้การตั้งรัฐบาล พิธา1 สะดุด หรือถึงขั้นล่มไปด้วยหรือไม่ 
 การเลือกประธานสภาฯ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 6 ก.ค.นี้  คือด่านที่ พรรคก้าวไกล จะต้องลุ้นระทึกว่า พรรคเพื่อไทย จะปลุกให้มีรายการ ฟรีโหวต กลางสภาฯ หรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะพ่ายแพ้ ย่อมมีสูง 


 สถานการณ์ของ รัฐบาลใหม่ ดูเหมือนยังต้องฝ่าด่าน ทั้ง คนกันเอง  ในการโหวตเลือกประธานสภาฯ ก่อนที่จะไปเจอกับ ด่านหิน คือ 250ส.ว.  ในการโหวต นายกฯคนที่ 30 ซึ่งพรรคก้าวไกลจะต้องได้ส.ว.มาหนุนให้ครบ 64เสียง แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีแนวโน้มออกมาเป็น บวก 


 น่าสนใจว่า การตั้งรัฐบาลใหม่  พิธา1 ที่แม้จะจับมือกัน 8พรรค ตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก 312เสียง แล้วก็ตาม แต่กลับมีอุปสรรคมากมายที่ทำให้หลายคนต้องลุ้นกันช็อตต่อช็อตว่า ชื่อพิธา จะผ่านการโหวตรอบแรกไปได้หรือไม่ 


 แต่ขณะที่ ฝั่งรัฐบาลเดิมที่มีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแกนหลัก กลับเลือกส่งสัญญาณเก็บของออกจากทำเนียบฯแล้ว แต่จะอยู่ทำงานไปจนกว่า รัฐบาลใหม่จะถวายสัตย์ฯ เข้ามาทำหน้าที่ จึงทำให้เกิดคำถามว่าสงครามจบแล้วจริงๆหรือ !?