ความวุ่นวายที่ประเดประดังเข้าใส่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นเหมือนคลื่นลมที่พัดเข้าใส่ เป็นระลอก อย่างต่อเนื่อง 
 ทั้งประเด็นที่เป็นปัญหา เฉพาะตัว เรื่องคุณสมบัติการเป็นส.ส. จากเงื่อนปมการถือหุ้นไอทีวี แม้เจ้าตัวจะโอนหุ้นให้ทายาทไปแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อสกัดขบวนการฟื้นไอทีวี ซึ่งพิธาและพรรคก้าวไกล เชื่อว่านี่คือปฏิบัติการทำลาย ขัดขวางทั้งพิธา และพรรค

 
 แต่อย่าลืมว่า การเผชิญหน้ากับปัญหาเรื่องคุณสมบัติของพิธา ที่กำลังเป็นหนังยาวมีภาคต่อ หาจุดจบไม่ได้ในเวลานี้ ย่อมกระทบต่อการตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ที่ 8พรรคการเมือง ประกาศจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังรู้ผลวันเลือกตั้ง มาก่อนหน้านี้ ด้วย 312 เสียง 
 
ดังนั้น ปัญหาของ พิธาว่าด้วยเรื่องคุณสมบัติ จึงกลายเป็นเรื่องผูกพันไปกับ รัฐบาลเสียงข้างมาก  โดยปริยาย และความวิตกครั้งนี้ยังอาจจะกลายเป็น จุดพลิกผัน ที่ทำให้ คนนอก ไปจนถึง กองเชียร์ หวั่นใจว่า หากพิธา ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติ แม่กกต.จะประกาศรับรองให้เป็นส.ส.ไปแล้วก็ตาม ย่อมมีโอกาสที่จะได้เห็น การเปลี่ยนตัว เปลี่ยนชื่อ นายกฯคนที่ 30 ไปด้วยหรือไม่ 

 เพราะการฝ่าด่าน 250ส.ว. ที่พรรคก้าวไกลต้องการ 64 เสียงเพื่อมาโหวตหนุนพิธา ก็ยังไม่สามารถการันตีได้  ยิ่งเมื่อมาเจอกับอุปสรรคเรื่องปมหุ้นไอทีวี ที่เกี่ยวพันกับการตรวจสอบคุณสมบัติของพิธา ก่อนได้รับการโหวตนายกฯ จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มเงื่อนไข กดดันมากกว่าที่ผ่านมา
 อย่างไรก็ดีประเด็นหุ้นไอทีวี วันนี้ได้ลุกลามขยายความบานปลายไปถึงเรื่องราวการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งมีทั้งเอกสารการประชุมและคลิปเสียง ตอนหนึ่งในการประชุม ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 ที่ผ่านมา กลับไม่ตรงกัน จนทำให้บางฝ่ายมองว่านี่คือประเด็นใหม่ ที่อาจช่วย พิธา ให้รอดพ้นจากบ่วงคดีหุ้นไอทีวีได้ 

 ทั้งนี้ จากประเด็นเรื่องราวภายในที่ประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี ยังได้ถูกโยงใยมาถึง พรรคภูมิใจไทย เพราะมีคนของพรรค ที่ถือหุ้นไอทีวี เปิดประเด็นขึ้นมา  เท่ากับว่า จากเรื่องของการตรวจสอบคุณสมบัติเรื่องหุ้นไอทีวี ได้พัวพันไปถึง ขบวนการล้มพิธา ตามที่พรรคก้าวไก พากันออกมาโจมตี ว่าทำกันเป็นขบวนการ และส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นแค่ตัวเล็กๆ 

 แม้ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะออกมายืนยันแล้วว่า เรื่องนี้ไม่ใช่มติของพรรค เป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่าเอามาโยงกับการเมืองก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าพิษคดีหุ้นไอทีวี กำลังออกฤทธิ์ พ่นพิษให้เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ทั้ง ว่าที่รัฐบาลใหม่ ไปจนถึง รัฐบาลรักษาการ !