จะเดินหน้าก็ยากลำบาก จะถอยหลัง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ! สถานการณ์การเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง ยังดำรงอยู่ในสภาวะเช่นนี้ และดูเหมือนว่า ต่างฝ่ายต่างยัง ติดหล่ม ขยับกันได้เต็มที 
 
แม้ 8พรรคการเมือง ประกาศตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก รวม 312 เสียง โดยมี พรรคก้าวไกล พรรคอันดับหนึ่ง 151 ที่นั่ง พยายามดันเกมให้เขยื้อนไปข้างหน้า ไม่ยอมหยุดนิ่ง ทั้งการทำเอ็มโอยู ร่วมกัน 8 พรรค จนมาถึงล่าสุดมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล  และวันนี้ (6 มิ.ย.66) พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมคณะทำงานชุดเล็ก 7 คณะที่ตั้งขึ้นตามมติ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล
 
แต่กลับกลายเป็นว่า วันนี้ 312 เสียงของ รัฐบาลเสียงข้างมาก  ยังต้องมาลุ้นว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จะประคองตัวเองอยู่ไปจนถึงวันโหวตนายกฯในที่ประชุมรัฐสภา ในราวปลายเดือนก.ค.ถึงต้นเดือนส.ค.นี้หรือไม่ 
 
เมื่อคำร้องจาก เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัติของพิธา กรณีการถือครองหุ้นไอทีวี จะเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ จนมีผลทำให้พิธาขาดคุณสมบัติ  ก่อนไปถึงวันที่พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อหรือไม่ 
 
อย่างไรก็ดี เมื่อการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้จบลงที่ สนามเลือกตั้ง แต่ยังกลายเป็นว่านี่คือการเปิดฉากเกมใหม่ ขึ้นมาแทน เมื่อภารกิจของ พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง ยังไม่บรรลุเป้าหมาย นั่นคือการพา ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับบ้าน  
 
และพรรคเพื่อไทยยังมีโอกาส ได้ลุ้น เสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน หรือ  แพทองธาร ชินวัตร คนใดคนหนึ่ง เข้าไปชิงนายกฯ หาก พิธา ไปไม่รอด ฝ่าด่านทั้งส.ว.และบ่วงคดีถือหุ้นไอทีวีไม่สำเร็จ ! 
 
หมายความว่า เมื่อเก้าอี้ นายกฯคนที่ 30 ไม่ได้ผูกตายเอาไว้กับชื่อ พิธา และพรรคเพื่อไทย ยังมีลุ้น ย่อมทำให้หลายฝ่ายยิ่งพากันจับตามองว่า หากเกมเดินไปถึงจุดที่ว่านั้นจริง จะมีการ เปลี่ยนขั้ว การจับมือทางการเมืองด้วย สูตรใหม่ ตามมาหรือไม่ ? 

 จำนวนเสียง 141 ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย จะพลิกขึ้นมามีบทนำทันที และยังอาจกลายเป็นการเปิดทางให้ พรรคการเมือง ที่ยังเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ในขณะนี้เข้าไปร่วมรัฐบาล ด้วยมี ออพชั่นพิเศษ นั่นคือการที่ได้เสียง ส.ว. เข้ามาหนุน โดยที่ชื่อนายกฯคนใหม่ ไม่ได้ชื่อ พิธา จากพรรคก้าวไกล !