ลำพังการเดินหน้าฝ่าด่าน 250ส.ว. ยังเป็นเรื่องยากเย็น เข็ญใจไม่น้อย เพราะนาทีนี้ พรรคก้าวไกล ยังต้องลุ้นกันว่า เมื่อถึงวันประชุมรัฐสภา เพื่อโหวต นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ จะผ่านไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ?
ยังปรากฏว่า ศึกใน ระหว่าง พรรคร่วมรัฐบาล ด้วยกันเอง ยังฟาดฟันไม่หยุด เมื่อเก้าอี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กลายเป็น ชนวน ที่ทำให้พรรคก้าวไกลกับ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเสียงส.ส.ในมือห่างกันเพียง 10 เสียง เปิดศึกออกตัว ออกโรงประกาศจับจองตำแหน่งประธานสภาฯ ผ่านหน้าสื่อ ชนิดที่ไม่ต้องเกรงใจกัน
ไม่เพียงแต่ ระดับ แกนนำพรรค ทั้งเพื่อไทยและก้าวไกล จะเปิดวิวาทะ ประกาศความพร้อม และเจตนารมณ์ที่ต้องการได้เก้าอี้ประธานสภาฯ แต่ยังกลายเป็นว่า กองเชียร์ ของทั้ง สีส้ม เอฟซีพรรคก้าวไกล และ สีแดง แฟนคลับพรรคเพื่อไทย พากัน เปิดหน้ารบกันผ่านโลกโซเชียล อย่างดุเดือด ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัญหาเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ กลายเป็นปัญหาใหม่ ที่ดูเหมือนว่า จะไม่มีใคร ยอมใคร เมื่อพรรคก้าวไกลเองยังมีวาระเรื่องการผลกดันให้แก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักๆของพรรคต้องเดินหน้าต่อ ด้วยหวังว่า ถ้าตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นคนของพรรค การคุมเกมในสภาฯเพื่อผลักดันแก้ไขมาตรา 112 ในวันข้างหน้า ย่อมราบรื่นมากกว่าที่ผ่านมา เมื่อคราวเป็น พรรคฝ่ายค้าน
แต่ขณะเดียวกัน ปัญหาเฉพาะหน้า ที่พรรคก้าวไกล จะต้องฝ่าไปให้ได้ คือ ด่าน250ส.ว. เพื่อส่ง พิธา ขึ้นไปนั่งนายกฯคนที่ 30 ในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 15 ส.ค.นี้
อย่างไรก็ดี แม้จะมีนักวิชาการเสนอ ทางออก ด้วยการให้ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งเคยเป็นประธานสภาฯ และด้วยมีอาวุโสมากที่สุดใน 8 พรรคร่วมรัฐบาล มารับตำแหน่ง แต่ปรากฏว่า วันนอร์ ให้สัมภาษณ์ชัดเจน ว่า ไม่ประสงค์จะรับเก้าอี้ประธานสภาฯ หากทั้งสองพรรค ยังมีความขัดแย้งกันอยู่เช่นนี้
แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้การที่หัวหน้าพรรคประชาชาติ ไม่รับตำแหน่งประมุขสภาผู้แทนราษฎร นั้นนอกจากจะไม่ต้องการเอาตัวเข้าไปพัวพันกับ ความขัดแย้งของสองพรรค คือก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังต้องคำนึงด้วยการ ตำแหน่งประธานสภาฯ จะถูกจัดรวมเอาไว้ในโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี ที่พรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับที่สาม จะกระทบไปด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ วันนอร์ เองยังต้องลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาชาติ และส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรค เท่ากับเป็นการเสียเก้าอี้ ในฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อไปแก้ปัญหาให้กับพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล
สถานการณ์การเมืองระหว่าง 8พรรคร่วมรัฐบาล ที่มีความขัดแย้งอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะยังมี จุดแตกหัก ที่รออยู่ !