ความกังวลของ สมาชิกวุฒิสภา ว่าที่สุดแล้ว รัฐบาลใหม่ ที่นำโดย พรรคก้าวไกล จะทำอย่างไร กับนโยบายที่ประกาศขอคะแนนเสียงชูเรื่องแก้ไขมาตรา112 นั้นได้กลายเป็น เงื่อนไข ที่กลับไปกดดันฝั่งพรรคก้าวไกล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ !
เมื่อมาตรา 112 คือ จุดขาย ที่คนในพรรคก้าวไกล มั่นใจว่านี่คือ จุดขาย ที่ทำให้พรรคได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายที่หนุนให้มีการยกเลิก มาตั้งแต่ยังไม่มีการเลือกตั้ง ผ่านการแสดงออกของม็อบเยาวชนในชื่อต่างๆ
แต่แนวคิดการยกเลิก มาตรา 112 ได้มีการปรับเปลี่ยนมาสู่ แก้ไข ตั้งแต่เมื่อคราวที่พรรคก้าวไกล เดินสายหาเสียง กำลังกลายเป็น เงื่อนไข ที่ผูกมัดจนอาจทำให้ พรรคก้าวไกล ไปไม่ถึงการเป็นรัฐบาล แม้วันนี้จะประกาศลงนามทำเอ็มโอยู ร่วมกันทั้งสิ้น 8 พรรค
รวมทั้งยังจะกลายเป็น บ่วง ที่ทำให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก้าวไปไม่ถึงเก้าอี้นายกฯคนที่ 30 น่าสนใจว่า แท้จริงแล้วประเด็นเรื่องที่หลายฝ่าย ไม่เห็นด้วยและพร้อมที่จะเดินหน้า คัดค้านต่อต้านอย่างเข้มข้น คือประเด็นที่มีความเปราะบาง ล่อแหลม ที่การแก้ไขมาตรา112 หมายความว่า เวลานี้แรงต้านที่พรรคก้าวไกล กำลังแบกรับประเมินแล้วว่า ต้านได้ยาก เกิดขึ้นในทั้งและนอกสภาฯ
แต่เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า คือการที่พรรคก้าวไกล และพิธา ต้องการเสียงสนับสนุนจากส.ว.มากกว่า 60 เสียง การ ลดเพดาน ที่ว่าด้วยการแก้ไขมาตรา 112 จึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น
โดยล่าสุดสาระในเอ็มโอยู ของ 8พรรคการเมือง เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้ง 8 พรรค 23 ข้อ จึงไม่มีการระบุชัดเจนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แต่ถึงกระนั้นใช่ว่า นักสังเกตการณ์ ทั้งในและนอกสภาฯ โดยเฉพาะจากฝั่งพรรคฝ่ายค้าน ตลอดจนนักวิชาการที่คัดค้านการที่พรรคก้าวไกล ชูธง แตะสถาบันมาตั้งแต่แรกจะวางใจได้ว่า จากนี้ไปจะมีรายการ ซุก ประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 หรือไม่ และอย่างไร
ในร่างเอ็มโอยู 23 ข้อพบว่า ในข้อต้นๆ ในข้อที่ 1.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ระบุเอาไว้ว่า ฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมถึงจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
และข้อ 2.การแสดงออกทางการเมือง ระบุว่า เพื่อสร้างความสมานฉันท์ในสังคม ทุกพรรคจะร่วมผลักดันการอำนวยความยุติธรรมในคดีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมืองผ่านกลไกรัฐสภา
จะมีความเคลื่อนไหวที่ต้องตามลุ้น เกาะติดกันอีกหรือไม่ หากพรรคก้าวไกล ตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ !