ต่อเนื่องจากฉบับที่แล้ว เรื่อง“ภาษาการเมือง(ที่เข้าใจว่ายังสับสนกันอยู่เกี่ยวกับอุดมคติทางการเมือง)” ตามทัศนะของ พระธรรมโกศาจารย์ พุททาสภิกขุ ที่ได้แสดงเอาไว้ในการอบรมนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มพุทธศาสตร์ เรื่อง “ภาษาเกี่ยวกับการเมือง” (https://pagoda.or.th/buddhadasa/20230330.html) ดังได้นำความมาเผยแพร่ ดังนี้

“…6. อิสรภาพ

ทีนี้คำที่หก ก็อยากจะพูดถึงคำว่า มีอิสรภาพหรือไร้อิสรภาพ เป็นคู่คู่กันไปอีก มีอิสรภาพกับไร้อิสรภาพ มันกำกวมตรงที่ว่า ถ้ากิเลสมันมีอิสรภาพ โลกนี้มันล่มจมแน่ ถ้าคนมีกิเลส มันมีอิสรภาพ มันก็เกิดทรราชย์เพราะมันมีอิสรภาพ อย่างนี้มันก็คืออิสรภาพที่จะทำลาย

ไร้อิสรภาพนั่นก็หมายความว่าเรายอมเสียอิสรภาพบางอย่าง เพื่อเห็นแก่ส่วนรวม ในสังคมที่ดี จะมีการผ่อนผันสั้นยาว หรือการเสียสละ บางคนยอมเสียสละ เสียอิสรภาพส่วนตัว เพื่อหมู่คณะมันตั้งอยู่ได้ถูกต้องหรือมั่นคง อย่างนี้ก็ยังมี

คำว่าสูญเสียอิสรภาพนั้นนะ มันหลอกอยู่มาก เราได้อิสรภาพของกิเลส เราก็ไปสูญเสียอิสรภาพของธรรมมะ เราได้อิสรภาพของความชั่ว เราก็สูญเสียอิสรภาพของความดี อย่าเอาแต่คำว่าอิสรภาพ อิสรภาพ มันต้องให้ชัดลงไปว่าอิสรภาพของอะไร

-อิสรภาพหลายชั้น

แล้วอิสรภาพเนี่ย มันซ้อนกันอยู่หลายชั้น ถ้าไม่เคยสนใจมาก่อน ก็ขอได้โปรดสนใจด้วย เพราะคำว่าอิสรภาพนี้มันซ้อนกันอยู่หลายชั้น อย่ามองแต่ชั้นต่ำๆ เตี้ยๆ เมื่อกล่าวกันตามหลักของพระศาสนา แล้วก็ยิ่งจะเห็นว่ามันเป็นชั้น หลายชั้น อิสรภาพทางการเมือง ฉันไม่เป็นขี้ข้าเขา ประเทศเราไม่เป็นขี้ข้าเขา เรามีอิสรภาพทางการเมือง แต่เราเป็นทาส เป็นขี้ข้าเขาทางวัฒนธรรม ถ้าเราไปนิยมอะไรอย่างของพวกนั้น เราจะเสียอิสรภาพทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษที่เป็นพุทธบริษัทไปหมดแล้ว นั้นเรายังจะคุยได้ว่าอิสรภาพทางการเมือง ก็เป็นขี้ข้าเขาในทางจิตใจ และทางวัฒนธรรม เราก้มหัวลงไปรับวัฒนธรรมนั้น แล้วก็นั่นหนะ ระวังให้ดี มันจะไปเป็นขี้ข้าทางวัฒนธรรมของพวกอื่น แม้ว่าเค้าจะะยังไม่ย่ำยีอิสรภาพทางการเมือง

ก็ที่คุยกันไปก่อนนั้น ในทางศาสนานั้นคือเป็นอิสรภาพทางวิญญาณ คือเรายอมรับลัทธิผิดหรือยอมเป็นทาสของกิเลส เรียกว่าเราสูญเสียอิสรภาพหมด และถ้าเกิดกิเลสตัณหา นั้นคือสูญเสียอิสรภาพทางวิญญาณ แล้วเราก็จะสูญเสียอิสรภาพทางวัฒนธรรม ทางศีลธรรม คือเห็นแก่กิเลส เห็นแก่ความเอร็ดอร่อยสนุกสนาน ถ้าสูญเสียอิสรภาพทางวัฒนธรรมอย่างนี้แล้ว ไม่เท่าไหร่เราก็จะต้องเสียอิสรภาพทางการเมือง แม้ว่าบัดนี้เรายังไม่ได้เสีย ระวังให้ดี จะต้องรักษาอิสรภาพทางวัฒนธรรม ทางศีลธรรมอะไรเอาไว้ให้มั่นคง ก็จะไม่เสียอิสรภาพทางการเมือง ทางวัตถุ ทางร่างกายนี้ …” (อ่านต่อฉบับหน้า)