การเลือกตั้งครั้งนี้ 14 พ.ค.2566 ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างชัดเจน ชัยชนะของ พรรคก้าวไกล แม้จะไปไม่ถึง 160 ที่นั่งตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ แต่มีพลังมากพอที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างรุนแรง !
ผลการเลือกตั้งได้รับการแถลงอย่างเป็นทางการโดย อิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ชี้ว่า พรรคก้าวไกล คือพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 โดยได้ส.ส.เขต 113 ที่นั่ง ขณะที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ได้39 ที่นั่ง คะแนนเสียงรวมทั้งหมด เป็นอันดับ 1 จำนวน 14,172,211 คะแนน ทิ้งห่างจาก พรรคเพื่อไทย อันดับสอง จนเรียกว่า หักปากกาเซียน อย่างสิ้นเชิง
หลังการปิดหีบบัตรเลือกตั้ง 17.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ตลอดทั้งวันเต็มไปการลุ้น ผลคะแนนกันอย่างคึกคัก จนกลางดึกมีความชัดเจนว่า คะแนนของพรรคก้าวไกลมีคะแนนนำ ผู้สมัครของพรรคชนะถล่มทลาย และหลายเขต ยังสามารถ ล้มบ้านใหญ่ หลายจุด ในหลายจังหวัด
และเมื่อเห็นความชัดเจนผลคะแนน ปรากฏชัด พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่งสัญญาณ แรงชัด ว่า พรรจะทำหน้าที่เป็น แกนนำ ตั้งรัฐบาล ตั้งแต่กลางดึกของคืนวันที่ 14 พ.ค. แม้ทางฝั่งพรรคเพื่อไทยเอง ตอบคำถามสื่อหลายครั้งว่า รอดูคะแนน ก่อนก็ตาม เพราะพรรคเพื่อไทย มีความหวัง ว่าผลการเลือกตั้งจะพลิกให้ พรรคเพื่อไทย ได้ส.ส.เพิ่ม พลิกจากพรรคอันดับ 2 มาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง แล้วทำหน้าที่ แกนนำตั้งรัฐบาล
ท่าทีและสัญญาณจาก พิธา ตลอดจนพรรคก้าวไกลที่ เดินเกมเร็ว ชิงประกาศตั้ง รัฐบาลเสียงข้างมาก เพราะไม่ต้องการให้เกิด รัฐบาลเสียงข้างน้อย ด้วยการเปิดช่องให้ พรรคฝั่งอนุรักษ์นิยม เดินเกมตั้งรัฐบาลสู้กลับแล้ว อีกด้านหนึ่งยังเป็นการ ล็อค ไปยังพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ขยับออกห่าง
เพราะอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ต่างเคยอยู่ในความหวาดระแวงเรื่อง ดีลลับ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จนทำให้พรรคเพื่อไทย ต้องประกาศจุดยืน ไม่เอาลุง ก่อนถึงเลือกตั้งเพียงไม่กี่วัน !
การประกาศเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ทำหน้าที่เป็น แกนนำ ตั้งรัฐบาลของ พิธา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะบอกกับสื่อชัดเจนว่าได้พูดคุยกับ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยแล้วเท่านั้น แต่ยังประกาศตัวเลขว่า รัฐบาลเสียงข้างมาก จำนวน 309 เสียงนั้นประกอบด้วย 6 พรรค คือพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ และพรรคเป็นธรรม
แม้ในความเป็นจริง พรรคเพื่อไทยคือพรรคที่เป็น ตัวแปร สำคัญที่จะทำให้ ความฝัน ของพรรก้าวไกลเป็นจริง นั่นคือการได้พลิกขั้ว จากฝ่ายค้านไปเป็นรัฐบาลก็ตาม ทว่าอีกด้านหนึ่งสิ่งที่สะท้อนออกมาคือการที่ พรรคก้าวไกลกำลังกดดันพรรคเพื่อไทย ให้ต้องยอมรับ เงื่อนไข อันตรายอย่าง การแก้ไขมาตรา 112 ที่จะกลายเป็น ระเบิดเวลา เมื่อตัดสินใจร่วมขบวนรัฐบาลกันไปแล้ว !