เสือตัวที่ 6
ปรากฏการณ์ที่มีกลุ่มเยาวชนเปอร์มูดอ นัดร่วมตัวแสดงพลังทางความคิดผ่านกิจกรรม MALAYU RAYA ครั้งที่ 2 ณ.หาดวาสุกรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานีเมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 ได้ซ่อนความหมายอันลุ่มลึกที่ฝ่ายขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่ได้สื่อออกมาให้สาธารณะได้รับรู้และตีความหมาย การแสดงออกผ่านกิจกรรมเหล่านั้นได้ไม่ยาก โดยกิจกรรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากถึงประมาณ 10,000 คน โดยมีนายกเทศมนตรีเมืองตะลุบันขึ้นกล่าวเปิดงานและกล่าวตอนรับกลุ่มเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมและต่อมามีนายมูฮำหมัดอาลาดี เด็งนิ ขึ้นเวทีกล่าวพบปะกลุ่มเยาวชน โดยได้พูดเกี่ยวกับวัฒนธรรมการแต่งกายและการทำซุ้มประตูชัยของหมู่บ้านเพื่อเป็นการยกย่องถึงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ และหลังจากนั้น มีการแสดง Art Performance เพื่อสื่อความหมายที่ตอกย้ำถึงความทรงจำทางประวัติศาสตร์เพียงส่วนเดียวที่บรรพบุรุษปู่ย่าตายายของพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานในสมัยก่อนจากการรุกรานของศัตรูและการสูญเสียเอกราชของบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา
โดยช่วงท้ายของการรวมตัวครั้งนี้ได้แสดงพลังและกล่าวคำปฏิญาณตนร่วมกันที่ริมหาดวาสุกรี อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เนื่องในเทศกาลวันฮารีรายอ โดยที่ปรากฏการณ์ของกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับคำกล่าวของนายอุสตาซอานัส อับดุลเราะห์มาน หัวหน้าคณะพูดคุย BRN ที่กล่าวว่าทุกเชื้อชาติที่มีอยู่บนหน้าแผ่นดินต้องการที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมกันกับเชื้อชาติอื่นๆบนพื้นฐานและคุณค่าความเป็นมนุษยชาติที่มีอารยะและการเคารพซึ่งกันและกัน และย้ำให้เห็นวิธีคิดที่สอดรับกับการจัดกิจกรรมต่างๆ ของเยาวชนคนในพื้นที่รวมทั้งกิจกรรม MALAYU RAYA นี้ว่าคนในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้สามารถสร้างเครื่องมือเพื่อการรื้อฟื้นการสร้างเอกลักษณ์ของกลุ่มตนตลอดจนการเพิ่มพูนเกียรติยศของชาติ กิจกรรมดังกล่าวได้ตอกย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับวัฒนธรรมการแต่งกายชุดมลายูและชี้ให้เห็นความสำคัญของการทำซุ้มประตูชัยประจำหมู่บ้าน โดยเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายต้องรณรงค์ให้เยาวชนมีการอนุรักษ์และให้มีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้นรวมทั้งมีการสืบทอดกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด มีการนัดรวมตัวจัดกิจกรรมของเยาวชนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเยาวชนหญิงแต่งชุดมลายูเหมือนกัน โดยกลุ่มที่จัดกิจกรรมเป็นกลุ่มเดิมคือ CAP (CivilSocietyAssemblyFor Peace) แต่ครั้งนี้เป็น CAPWomen&Children (CAP ผู้หญิงและเด็ก) โดยครั้งนี้เน้นเยาวชนหญิง จัดกิจกรรมเดิม MALAYU RAYA 2023 จุดมุ่งหมายการจัดกิจกรรมครั้งนี้ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันนั่นคือ เป็นการรวมตัวเพื่อแสดงพลังของคนในพื้นที่ผ่านกลุ่มเยาวชนทั้งชายและหญิงในพื้นที่โดยใช้การแต่งกายที่เป็นเฉพาะถิ่นในการแสดงออกถึงความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการแสดงออกให้รัฐเห็นว่ากลุ่มขบวนการต่อสู้กับรัฐกลุ่มนี้ มีอำนาจในการต่อรองที่เหนือกว่ารัฐอย่างเห็นได้ชัด ด้วยแม้ว่าจะมีการจับจ้องจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐและได้พยายามปรามการจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวที่มีความล่อแหลมจากการปลุกระดมความคิดความเห็นให้แปลกแยกแตกต่างจากรัฐ
หากแต่ว่ากลุ่มขบวนการแห่งนี้ก็ยังจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวอยู่ต่อไปโดยไม่สนใจต่อการทักท้วงจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐแม้แต่น้อย ด้วยสิ่งที่ได้จากการจัดกิจกรรมรวมตัวของเยาวชนหลายครั้งที่ผ่านมาจนถึงครั้งนี้ ได้ซ่อนความหมายที่พยายามหล่อหลอมความคิดให้คนรุ่นใหม่เชื่อว่า กลุ่มคนในพื้นที่มีความเป็นชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีชีวิตเป็นของตนเอง ซึ่งนั่นจะเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับรัฐอย่างทรงพลังยิ่ง เป็นแนวร่วมในการสนับสนุนการต่อสู้กับรัฐเพื่อเป้าหมายสุดท้ายนั่นคืออิสระในการปกรองกันเองของคนในพื้นที่อย่างสมบูรณ์ ผ่านการยุยงให้เยาวชนชายและหญิงออกมาแสดงจุดยืนในสังคมโดยดูจากแกนนำและผู้จัดกิจกรรมแล้วล้วนมีประวัติพัวพันกับการต่อสู้กับรัฐมาอย่างต่อเนื่อง เป็นบุคคลที่เคลื่อนไหวและหนุนหลังกลุ่มขบวนการอย่างชัดเจน บนการจับตาของหน่วยงานความมั่นคงที่พยายามป้องปรามการจัดกิจกรรมอันหมิ่นเหม่ต่อแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐ จึงวิเคราะห์ได้ว่า กิจกรรมในลักษณะนี้เป็นการแสดงพลังของคนในพื้นที่เพื่อให้เห็นถึงอำนาจต่อรองของคนในพื้นที่ที่เหนือกว่ารัฐอยู่หลายขุม
ประกอบกับสถานการณ์ล่าสุดที่กลุ่ม BRN ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ว่าขอยุติการเจรจาสันติภาพกับรัฐเป็นการชั่วคราวโดยอ้างเหตุผลว่ารัฐกำลังมีการเลือกตั้งทั่วไป จึงขอรอรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายมีมติร่วมกันให้ความเห็นชอบระหว่างการพูดคุยสันติสุขครั้งที่ 6 ที่มาเลเซีย ช่วง ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมพูดคุยของคณะเทคนิคของทั้งสองฝ่าย เพื่อกำหนดรายละเอียดในการทำงานร่วมกันยุติความรุนแรงจากช่วง ก.ค. ไปตาม ROAD MAP ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันในขณะที่คนระดับนโยบายในพื้นที่แปลกใจที่ BRN ใช้ช่องทางในการออกแถลงการณ์เรียกร้องในเรื่องที่ต้องการ ทั้งๆ ที่ควรกระทำผ่าน ผอคส.มาเลเซีย ที่มีหน้าที่ประสานการพูดคุยของสองฝ่ายอยู่แล้ว และการขอยุติการพูดคุยสันติสุขของกลุ่ม BRN หนนี้ เป็นกล่าวอ้างที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะการพูดคุยสันติสุขถือเป็นวาระแห่งชาติ และถูกกำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหา จชต. ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใครมาเป็นรัฐบาลไทย กระบวนการพูดคุยก็ต้องดำเนินการต่อไปอย่างสืบเนื่องอยู่แล้ว ซึ่ง RRN จึงไม่ควรกังวลกับการมีรัฐบาลไทยหลังเลือกตั้ง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งการจัดกิจกรรมครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อรวมตัวของกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นโดยปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการแอบซ่อนการจัดกิจกรรมโดยกลุ่มผู้มีความพัวพันกับขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐที่ท้าทายสายตาของหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ สอดรับกับการประกาศยุติการเจรจาสันติภาพกับรัฐเป็นการชั่วคราว ด้วยปฏิบัติการเชิงรุกชิงการนำอย่างต่อเนื่องของขบวนการแห่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอำนาจในการต่อรองที่อยู่เหนือกว่ารัฐอยู่หลายขุม