นับถอยหลังเลือกอีกไม่กี่อึดใจ  ประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จะได้เข้าคูหา 14 พ.ค.66 เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบกันเสียที  และสำหรับ พรรคการเมือง ที่ประกาศตัวลงสนามเลือกตั้งรอบนี้ ต่างมีลุ้นว่า จะได้ผู้สมัครทั้ง ส.ส.เขตและส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ฝ่าด่านเข้าสภาผู้แทนราษฎร มาได้กี่คน กี่เสียง ! 

 ดังนั้นจึงหมายความว่า จากนี้ไปจนกว่าจะถึงวันที่ 14 พ.ค.ทุกเวลา จึงมีค่าที่จะทำให้ทุกพรรค ได้ใช้โอกาสที่ยังมีอยู่ แปรจากความนิยมไปสู่ คะแนนเสียง ด้วยกันทั้งสิ้น 
 จังหวะทิ้งโค้งสุดท้าย แต่ละพรรคการเมือง ต่างพยายามงัดกลยุทธ์ ที่มั่นใจว่าจะเป็น หมัดเด็ด  เพื่อเรียกคะแนนเสียง  กันอย่างอุตลุต  โดยพรรคประชาธิปัตย์ปลุกให้ ชาวเลือดสีฟ้า และ แฟนคลับที่เคยรักให้กลับมาเลือก โดยโหมติดแฮชแทก #SAVEประชาธิปัตย์ 

 ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ชูม็อตโต้ อย่าให้ลุงตู่ สู้คนเดียว   แต่ที่น่าสนใจ คือการขับเคี่ยวกันระหว่างพรรคการเมืองในฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า ประชาธิปไตย  เมื่อ พรรคก้าวไกล พลิกเกมหันมาชิงคะแนน จากพรรคเพื่อไทยอย่างดุเดือด 
 เพราะแม้ในห้วง 7 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ โพลทุกสำนักถูกห้ามไม่ให้เผยแพร่ผลโพล ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 แต่ไม่ได้หมายความว่า  พรรคการเมืองที่ต้องอาศัย กระแส จะปล่อยให้ เกิดช่องว่าง อย่าลืมว่า กระแส คือหนึ่งในปัจจัยที่จะมีผลต่อการตัดสินใจ เลือกหรือไม่เลือกใคร สำหรับ กลุ่มพลังเงียบ ที่ยังไม่ตัดสินใจ 

 การหาเสียงบนเวทีปราศรัยของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ในระหว่างนี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การประกาศจุดยืน ไม่เอาลุง ไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติเท่านั้น แต่ยังออกมาในทิศทางที่เรียกว่า ชิงการนำ ในการเล่นบท แกนนำตั้งรัฐบาล เป็นหลัก 

 สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย เวลานี้เมื่อแพทองธาร ไม่สามารถไปร่วมปรากฏตัวบนเวทีปราศรัย ร่วมลงพื้นที่หาเสียงกับ เศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯของพรรคได้ ประกอบกับ ชัยเกษม นิติสิริ  แคนดิเดตนายกฯ อีกหนึ่งที่อยู่ในระหว่างเข้ารับการรักษาตัว อาจกลายเป็นช่องโหว่ และงานที่หนักหนาเกินไปสำหรับ เศรษฐา ที่จะแบกภารกิจกวาดคะแนน เพื่อเดินไปถึงเป้าหมาย แลนด์สไลด์ 
 เมื่อพรรคเพื่อไทยอ่อนแรง  การชิงบทนำในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จึงตกไปอยู่ที่พรรคก้าวไกล อย่างที่เห็น !