รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ประธานที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ดีใจมากจริง ๆ ครับ เมื่อเห็นประชาชนคนไทยตื่นตัวออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ามากเป็นปรากฏการณ์ สะท้อนจาก
การอัพเดตตัวเลขล่าสุดของจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค. 66 จากจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต (60,786 คน) และนอกเขต (2,222,380 คน) รวมกันจำนวน 2,283,166 คน โดยมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งหมด 2,087,990 หรือคิดเป็นร้อยละ 91.45 แบ่งเป็นผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต 57,362 คน (ร้อยละ 94.37) และผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต 2,030,628 คน (ร้อยละ 91.37)
อย่างไรก็ดีการเลือกตั้งล่วงหน้าก็พบสารพัดปัญหาไล่เลียงตั้งแต่จ่าหน้าซองผิด ใส่เขตเลือกตั้งผิด สะกดชื่อจังหวัดผิด เจ้าหน้าที่เชิญผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งออกหน่วยเลือกตั้งก่อนหมดเวลา เว็บล่ม ไม่พบชื่อทั้งที่ลงทะเบียนใช้สิทธิล่วงหน้าแล้ว ฯลฯ ความผิดพลาดต่าง ๆ เหล่านี้แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย โดยเฉพาะความผิดพลาดบางข้อที่ส่งผลต่อจำนวนคะแนนของผู้สมัคร ส.ส. ‘บัตรเขย่ง’ จนฮิตติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ‘#กกต.มีไว้ทำไม’ ‘#กกต.ต้องติดคุก’
สถานการณ์การเลือกตั้งล่วงหน้าของไทยไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะการจัดให้มีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าเคยเป็นประเด็นโต้เถียงร้อนแรงทั้งในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา โดยประเด็นหลักที่ดีเบตกันคือ เรื่องค่าใช้จ่ายการจัดการเลือกตั้งล่วงและการจัดหาเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ความไม่โปร่งใสในกระบวนการเลือกตั้งเนื่องจากจำนวนผู้สังเกตการณ์การลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ามีน้อยกว่าวันเลือกตั้งจริง และความวิตกกังวลว่าการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าจะกลายเป็น “ช่องทางแห่งโอกาส” โกงคะแนนเสียง เนื่องจากมีระยะเวลามากขึ้นในการลงมือโกงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าก็มีข้อดีเช่นกันคือ ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนสามารถเข้าถึงกระบวนการเลือกตั้งได้มากขึ้น และเป็นวิธีเพิ่มการเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากการเลือกตั้งล่วงหน้าอำนวยความสะดวกให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่ต้องหยุดงานหรือเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปใช้สิทธิในวันจริง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถลงคะแนนเสียงในวันเวลาและสถานที่ที่ตนเองสะดวก นอกจากนี้ การลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้ายังช่วยลดความแออัดด้านสถานที่และเวลาที่ต้องรอคอยในวันเลือกตั้งจริง เพราะมีการกระจายจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกไปก่อนแล้ว
ที่สุดเมื่อ กกต. ยอมรับปัญหาข้อผิดพลาดในวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าที่เกิดขึ้น ก็หวังว่า กกต. จะเร่งหารือและแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซักซ้อมกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานก่อนถึงวันเลือกตั้งจริงให้เข้าใจตรงกัน และมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นการทำงานของ กกต. กลับคืนมา และที่สำคัญคือไม่ต้องการเห็นปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกไม่ว่าจะเป็นการฟ้องร้อง กกต. จนต้องติดคุกติดตาราง ไปจนถึงฉากทัศน์ขั้นเลวร้ายสูงสุดคือ การประกาศให้การเลือกตั้งกลายเป็นโมฆะ
หากยิ่งสถานการณ์การเลือกตั้งบ่มเพาะความวุ่นวายทั้งบนสื่อและบนท้องถนนหนักหน่วงมากขึ้น ประชาชนคนไทยแบ่งแยกหนักขึ้น ก็อาจกลายเป็นปมร้อนสร้างความขัดแย้งใหม่ท่ามกลางความขัดแย้งเก่าที่ยังเคลียร์ไม่จบ โดยมีเหตุเดิม ๆ ไม่พ้นการงัดคมงัดเหลี่ยม ‘ช่วงชิงอำนาจปกครอง’ รัฐชาติที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก เมื่อนั้นภาพความวุ่นวายเก่าจะย้อนรอยวนซ้ำคืนมาอีกและฉุดรั้งการพัฒนาประเทศให้ถดถอยไม่รู้จบ
ยิ่งกว่านั้น เพียงแค่การจัดการการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ขาดประสิทฺธิภาพอาจส่งผลถึงขั้นบั่นทอนความน่าเชื่อถือประเทศ เพราะต่างชาติก็จับตาดูการเลือกตั้งในประเทศไทยว่าจะเป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส และเป็นธรรมหรือไม่มากน้อยอย่างไร และสื่อต่างประเทศบางสำนักถึงกับประเมินด้วยว่าอาจนำไปสู่การ ‘ล้มกระดาน’ ด้วยข้ออ้างเก่า ๆ เช่นเคยว่าต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มิต้องการให้บ้านเมืองพังมากไปกว่านี้
หวังว่าบรรดาสารพันปัญหาที่เกิดขึ้นวันในเลือกตั้งล่วงหน้าจะไม่กลายเป็น ‘ของร้อน’ และบานปลายนำไปสู่หายนะ
ครั้งใหม่ของประเทศ เพราะความขัดแย้งรอบใหม่อาจถูกลากเชื่อมกับความขัดแย้งอดีตที่ยังไม่สิ้นเชื้อรอวันปะทุทุกเวลา ซึ่งหลายฝ่ายคงไม่อยากจะเห็นบ้านเมืองก้าวเข้าสู่ความขัดแย้งที่ยืดเยื้ออีกแล้ว เพราะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศที่ยังต้องแบกเผชิญกับความท้าทายใหม่มากมายที่ซับซ้อนยากต่อการคาดเดา ดังนั้นทุกฝ่ายควรเอาพลังสมองและเวลาไปสู้และสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศจะดีกว่าครับ