หลังวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ผ่านพ้นไป นับถอยหลังไปเหลือเวลาอีก 32 วัน จะถึงวันตัดสินชะตาประเทศไทย ในการเลือกตั้งที่ว่ากันว่าจะเป็นการเลือกตั้งที่ดุเดือดที่สุด ที่ยิ่งเหลือเวลาน้อยเท่าไหร่ทุกคน ทุกพรรคต่างก็งัดกลเม็ดเด็ดพรายออกมามัดใจประชาชน     

แต่ท่ามกลางการต่อสู้ทั้งในเชิงนโยบาย และกลยุทธ์ต่างๆ มีข้อสังเกตที่น่าห่วงใยจากเวทีเสวนาวิชาการเนื่องในวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2566 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.กิรติพงศ์ แนวมาลี หัวหน้าทีมการปฏิรูปกฎหมาย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า TDRI ได้ทำการศึกษานโยบายของ 9 พรรค รวม 87 นโยบาย ซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.พ. 2566 โดยพบว่าภาพรวมนโยบายครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สุขภาพ ธุรกิจ SME ตลอดจนการปฏิรูปกฎหมายและระเบียบต่างๆ ทั้งนี้ พบว่าหลายนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็น "นโยบายระยะยาว" กลับไม่ค่อยเห็นภาพความชัดเจนของงบประมาณเท่าใด โดยพบอีกว่าหากพรรคการเมืองมีการทำตามนโยบายที่หาเสียงจริงจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 3 ล้านล้านบาท ที่สุดแล้วรัฐบาลเลี่ยงไม่ได้ที่จะก่อหนี้สาธารณะเพิ่ม

   ดร.กิรติพงศ์ กล่าวว่า ผลกระทบที่ตามมาจากการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มคือ ประเทศไทยจะมีงบลงทุนน้อยลง เพราะต้องเอาเงินไปใช้หนี้ สุดท้ายก็จะกระทบต่อการพัฒนาขีดความสามารถในระยะยาว และอาจทำให้รัฐต้องหันไปใช้เงินนอกงบประมาณผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (มาตรการกึ่งการคลัง) ซึ่งเงินเหล่านี้จะไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภา และอาจเกิดเป็นคำถามถึงความโปร่งใส  

 หัวหน้าทีมการปฏิรูปกฎหมาย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)  ระบุว่าสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการเลือกตั้งรอบนี้มีนโยบายหาเสียงที่ใช้เงินมาก และมีนโยบายที่ตามหลักการแล้วจะไม่ก่อให้เกิดสิ่งที่ควรจะเป็นแก่เศรษฐกิจและสังคม ฉะนั้นสิ่งที่ประชาชนควรคำนึงถึง ได้แก่ 1. ต้องเป็นนโยบายที่ไม่สร้างภาระทางการคลังเกินตัว 2. ไม่มุ่งเน้นการใช้เงิน    

นอกงบประมาณผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (มาตรการกึ่งการคลัง) 3. ไม่ควรสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องต่อการสร้างวินัยการเงินในการชำระเงินกู้ เช่น การพักหนี้ หยุดหนี้ ยกเลิกเครดิตบูโร 4. ไม่มุ่งเน้นแต่การสนองความต้องการเฉพาะหน้าของประชาชน โดยไม่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหรือประสิทธิภาพ 5. สามารถระบุแนวทางที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง ทั้งแหล่งรายได้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  

 สำหรับกลไกกลั่นกรองนโยบายพรรคการเมือง ดร.กิรติพงศ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยมี พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 57 กำหนดเอาไว้ว่า พรรคการเมืองที่ประกาศโฆษณานโยบายที่ต้องใช้เงิน จะต้องนำเสนอข้อมูล 3 รายการต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แก่ วงเงินที่ต้องใช้และที่มาของวงเงิน 2. ความคุ้มค่าและประโยชน์ในกาคดำเนินนโยบาย 3. ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย    

ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ว่า นโยบายขายฝันของบรรดาพรรคการเมือง จะสามารถฝ่าด่านกกต.ไปได้หรือไม่ และหากหลังการเลือกตั้ง นโยบายที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อจูงใจประชาชนนั้นจะสามารถทำได้โดยไม่เป็นภาระงบประมาณได้จริง จะไปถึงฝั่งได้แค่ไหน กระตุกให้คิดกันก่อนกาเบอร์