หนี้สินเกษตรกร เป็นปัญหาที่สั่งสมและทับถมมายาวนาน ที่ทุกรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและแก้ไขมาตลอด ทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบ แต่อาจเกาไม่ถูกที่คัน และไปไม่ถึงต้นตอของปัญหา ทำให้ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ ต่างระดมกันเสนอนโยยบายเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ล่าสุดแนวทางของรัฐบาล โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ 14 หน่วยงาน ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรไทย ซึ่งการลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เพื่อร่วมกันพัฒนาฐานข้อมูลที่สามารถสะท้อนสถานะหนี้และศักยภาพทางเศรษฐกิจของครัวเรือนเกษตรกร ผ่านการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่สำคัญของประเทศ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการศึกษา และสร้างความเข้าใจถึงสาเหตุและต้นตอของปัญหาหนี้ของครัวเรือนเกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญให้ผู้กำหนดนโยบายและสถาบันการเงินสามารถนำไปใช้ในการออกแบบ และผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรได้อย่างตรงจุดและยั่งยืนยิ่งขึ้น
สำหรับฐานข้อมูลครัวเรือนเกษตรกรที่จะนำมาเชื่อมโยงกันภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ประกอบด้วย ฐานข้อมูลหนี้สินและทรัพย์สินของครัวเรือนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ปศุสัตว์ ประมง และความเสี่ยงจากภัยพิบัติ จากกรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และการยางแห่งประเทศไทย ฐานข้อมูลที่สะท้อนศักยภาพในการทำเกษตร เช่น การจดทะเบียนมาตรฐานสินค้าและการทำเกษตรอินทรีย์ จากกรมการข้าว กรมวิชาการเกษตร และกรมพัฒนาที่ดิน ฐานข้อมูลที่สะท้อนโครงสร้างอาชีพ รายได้ และความยากจนในหลายมิติของเกษตรกรผู้ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ฐานข้อมูลรายได้และสวัสดิการ จากกรมการพัฒนาชุมชน และฐานข้อมูลความเหมาะสมในการทำการเกษตร จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ โดย ธปท. จะทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการข้อมูล และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะช่วยให้คำปรึกษาและสนับสนุน เพื่อให้การใช้ประโชน์จากข้อมูลร่วมกันเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลข้อมูลที่ดี และสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นายอนุชา ย้ำว่า ข้อมูลที่ได้จากความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ ธปท.ครั้งนี้ เป็นประโยชน์สำหรับหน่วยงานผู้กำหนดนโยบายและสถาบันการเงิน ในการผลักดันแนวทางการแก้ไขหนี้สินเกษตรกรอย่างเป็นองค์รวม ซึ่งจะทำให้ประโยชน์กลับไปสู่ครัวเรือนเกษตรกรในวงกว้างในที่สุด ทั้ง (1) การใช้ข้อมูลในการศึกษา ออกแบบและผลักดันแนวทางการแก้หนี้เดิมที่สามารถช่วยให้ครัวเรือนชำระหนี้ได้มากขึ้นและสามารถปลดหนี้ได้ในระยะยาว (2) การใช้ข้อมูลในการออกแบบแนวทางการปล่อยหนี้ใหม่อย่างยั่งยืน ทั่วถึง ตอบโจทย์ และตามข้อมูลความเสี่ยงที่แท้จริงของครัวเรือน และ (3) การใช้ข้อมูลในการออกแบบแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกัน ความรู้ทางการเงิน และการผสานการแก้หนี้กับโครงการเพิ่มรายได้ และศักยภาพของครัวเรือนเกษตรกร ขณะเดียวกันยังจะเป็นต้นแบบสำคัญของการสร้างความร่วมมือทางด้านข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายสาธารณะด้วย
ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ที่ต้องจับตาว่าจุดเริ่มต้นดังกล่าวจะนำไปสู่การขุดรากถอนโคน แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรไทยให้บรรเทาเบาบางลงหรือเป็นหนทางสู่การปลอดหนี้ได้อย่างไร