ตลอดห้วงเดือนเมษายนนี้ ทุกพรรคการเมืองจะต้องปรับแผนการเดินสายหาเสียงกันอย่างหนัก เพราะหากนับวันเวลากันแล้ว จะพบว่าเหลือเวลาไม่ถึงเดือน การเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมจะมาถึง  


 ดังนั้นแผนการเล่นที่ดำเนินกันไปก่อนหน้านี้  เมื่อแต่ละพรรคประเมินแล้วว่า กระแส จากโพลแต่ละสำนัก สะท้อน คะแนนนิยม ออกมาอย่างไร แตกต่าง สอดคล้อง หรือสวนทางกับ คะแนนจริง ที่จะได้รับหรือไม่ ?


 เป้าหมายจำนวนที่นั่งส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ ที่แต่ละพรรคการเมือง ตั้งเป้าหมายเอาไว้ สำหรับการเลือกตั้งในปี 2566 ย่อมแตกต่างไปจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา เนื่องจากมี ปัจจัย ทั้งทางตรง และทางอ้อม ที่แปรเปลี่ยนไปจากเดิม 


 ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทย ใช้วิธีการ แตกแบงค์ มีการตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ แยกออกเป็น สาขาสอง  กระจายกำลังพล จากพรรคเพื่อไทย ลงไปทำงานพรรคไทยรักษาชาติ แต่แล้วพรรคสาขาสอง ก็มีอันต้อง ถูกยุบ ส่งผลให้ พรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ ได้รับอานิสงน์ จากคะแนนเสียงจากพรรคเพื่อไทย เทไปให้ผู้สมัครของพรรคอนาคตไทย  พรรคอนาคตใหม่ ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และส.ส.เขต รวมกัน 80 ที่นั่ง 


 แต่ครั้งนี้สถานการณ์แปรเปลี่ยน เมื่อพรรคเพื่อไทยไม่มี พรรคสาขาสอง ยกเว้นการเชื่อมต่อ กับ พรรคประชาชาติ ที่หวังยึดหัวหาดพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ และมีแนวโน้มค่อนข้างเป็น บวก  พอที่จะเป็นความหวังให้กับพรรคเพื่อไทย


  อย่าลืมว่า สนามเลือกตั้งรอบนี้ พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคเจนเนอร์เรชั่นที่ 2 ของพรรคอนาคตใหม่ สามารถ ทำแต้ม สร้างคะแนนให้กับตัวเองได้อย่างเป็นกอบ เป็นกำ จนกลายเป็นว่าวันนี้พรรคก้าวไกล แม้ไม่ใช่ ศัตรู เหมือนกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี บิ๊กตู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นที่ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ  ก็ตาม 
 แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นับจากการเปิดตัว อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หลายเดือนที่ผ่านมา ยังไม่สามารถชิงกระแส คนรุ่นใหม่  จากพรรคก้าวไกลได้อย่างเบ็ดเสร็จ !  


 อย่างไรก็ดี จากนี้ไปยังต้องจับตาดูว่า กระแสของพรรคเพื่อไทย จะเป็นเส้นกร๊าฟที่พุ่งขึ้น หรือมีสิทธิ์ผกผัน เพราะจากนี้การเดินสายเรียกคะแนนเสียงของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ไปตามเวทีปราศรัย และจังหวัดต่างๆต้องยุติแล้วเมื่อ ร่างกายไม่เอื้ออำนวย อายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้นใกล้คลอดเต็มที จะทำได้เพียงการโฟนอินเข้ามาพูดคุยกับพี่น้องประชาชน 
 ขณะที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ที่มีอิทธิพลต่อความเป็นไปได้ในพรรคเพื่อไทย ก็ประกาศยุติธรรมการใช้ช่องทาง คลับเฮ้าส์เข้ามาพูดคุยเรื่องการเมืองในทุกวันอังคารที่ 2 ของเดือน จนถึงวันที่ 16 พฤษภาคม หลังวันหย่อนบัตรจบลง 


 หมายความว่าจากนี้ไป แคนดิเดนายกฯ ทั้งเศรษฐา ทวีสิน และคนที่ 3 ตามที่พรรคจะยื่นชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 7 เมษายน นี้จะต้องเป็น ตัวหลัก ในการหาเสียงและกวาดคะแนนนิยม ในจังหวะที่ คนในครอบครัว ชินวัตร ขยับได้ยาก !