รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ประธานที่ปรึกษาสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการแข่งขันที่อย่างน้อย ๆ ก็ต้อง 4 ปี จะมีมาถึงสักหนึ่งครั้ง หรือบางทีก็มากกว่านั้น ทำให้ทุกพรรคการเมืองต่างสรรหาหมากเด็ด “ของใหม่” “ของเก่า” และผสมปนกัน “ของใหม่ของเก่า” มาเล่นหวังดึงและสร้างความประทับใจให้ประชาชนจดจำไม่ลืม โดยสิ่งที่พรรคการเมืองหวังผลขั้นสุดท้ายก็คือ “คะแนนเสียง” ที่เป็นเสียงสวรรค์

วันที่ 3 เม.ย. 2566 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องบันทึกไว้อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญ เมื่อ “สนามการเมือง”...เปิดอย่างเป็นทางการหลัง “ลุงตู่” ประกาศยุบสภาเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อทุกแขนงต่างรายงานบรรยากาศวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตที่เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุก และความคึกคักทั่วทุกจังหวัด

หัวหน้าพรรค ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรค ผู้สนับสนุนและกองเชียร์ต่างเดินทางไปให้กำลังใจตัวผู้สมัคร ส.ส. ทุกพื้นที่ที่เปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร ส่งผลให้การเมืองไทยวันแรกของการรับสมัครเลือกตั้งนั้นครบมาก ๆ ทั้ง ‘ความขำ’ ‘ความฮา’ และ ‘ความมู’ ที่แน่ ๆ สิ่งเหล่านี้คือ “หมัดมวย” ของพรรคการเมืองที่หวังสร้างภาพจดจำให้กับประชาชนก่อนวันเลือกตั้งจริงที่จะมาถึงในวันที่ 14 พ.ค. 2566

เหตุการณ์ไฮไลต์เด่น ๆ ที่เรียกเสียงฮือฮาต้องยกให้กับผู้สมัคร ส.ส. ท่านหนึ่งจากจังหวัดอุตรดิตถ์ที่มาในชุดนักรบโบราณ พร้อมสะพายดาบน้ำพี้ 2 เล่ม และขี่ม้ามาสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งประกาศ “ลุยปราบแก๊งประชาธิปไตยเก๊ และพิทักษ์ “ลุงตู่” อดีตนายกรัฐมนตรี”

อีกหนึ่งสีสันที่ฮือฮาสะดุดตาสุดสุดไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันและมาจากผู้สมัครพรรคเดียวกัน แต่อยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งอดีตเคยเป็นข้าราชการครู ที่ขี่ควายเผือก พร้อมดีดพิณทิพย์ ไม่มีสาย ไม่มีเสียง ด้วยเกรงว่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้งที่ห้ามใช้เครื่องดนตรีหรือจัดงานรื่นเริง

ส่วนสนามเลือกตั้ง ส.ส. ใหญ่สุดของประเทศ 33 เขต “กรุงเทพฯ” ก็จัดมา “เต็มคาราเบล” คึกคักไม่น้อยหน้าต่างจังหวัด ซึ่งหลายพรรคใจตรงกันเน้นชูนโยบายแก้ปัญหารถติด น้ำท่วม ฝุ่น PM 2.5 ทำให้ได้เห็นภาพหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค ลูกพรรค และผู้สมัคร ส.ส. ขึ้นรถเมล์หรือรถบัส EV โชว์ หรือบางคนก็ขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้าหรือขี่จักรยานยนต์ไฟฟ้ามาเพื่อ “ปั่น ปั่น ปั่น” กระแสร่วมกันกับกองเชียร์

อีกกลเม็ดไม่พ้น “สายมู” ก็ต้องมา เพราะใช้เรียกความสนใจของคนไทยนอกเหนือจากความขำหรือความฮาได้มาก ดังเช่นผู้สมัครหน้าใหม่จากจังหวัดกำแพงเพชร เขตเลือกตั้งที่ 3 ที่มาแบบ ‘มั่นหน้า’ ด้วยการลงนะหน้าทอง แปะแผ่นทองที่หน้าผาก หวังดึงความรักความเมตตาจากชาวบ้าน รวมถึงภาพหัวหน้าพรรคต่าง ๆ พร้อมลูกพรรคที่เดินสายเข้ากราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด เช่น ศาลหลักเมือง พระธาตุ ศาลเจ้า ฯลฯ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจและแรงสนับสนุน ที่สำคัญต้องไม่ลืมขอ “เลขเดี่ยว” หรือ “เลขมงคล” ให้กับพรรคและผู้สมัคร ส.ส. เพื่อให้ประชาชนจดจำง่าย “กาไม่ผิด” ตัวหรือพรรค

สำหรับมิติใหม่ล่าสุดของการสร้างการรับรู้และความเข้าใจทางการเมืองให้กับประชาชนในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2566 ต้องยกให้กับการใช้เว็บแอพพลิเคชั่น Botnoi Voice เพื่อสร้างเสียงจากข้อความด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ซึ่งพรรคการเมืองหลายพรรคนำมาใช้สร้างดนตรีหรือบทเพลงทางการเมือง (Music in Politics) เพื่อสะท้อนแนวคิดและนโยบายของพรรค โดยเนื้อเพลงจะมีการชูจุดขายและนโยบายพรรคให้ประชาชนได้รับรู้ ตัวอย่างเนื้อเพลงที่ได้ยินถี่ ๆ เช่น

“แสงเรืองรองของยุคสมัยส่องมา ดั่งยามเช้าที่แสงตะวันส่องฟ้า ปลุกให้เราได้ลุกขึ้นตื่นลืมตา เห็นอนาคตที่งดงามเพียงใด คิดสิ่งไหนก็ขอให้ได้สิ่งนั้น เดินตามฝันก็ขอให้ถึงจุดหมาย”

“จากธงไตรรงค์ รวมเป็นแผ่นดินของไทย รากเหง้าแห่งความเปี่ยมสุขสามัคคี อยากเห็นความรุ่งเรืองอยากเห็นสังคมเป็นธรรม แค่ขอให้เราทุกคนมาร่วมใจ”

“คำพูด นั้นมันเป็นนาย ของคนที่พูด เมื่อพูดออกไป แล้วก็ต้องทำ เหมือนดั่งคำพูด ให้การกระทำ และความจริงใจ เป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าพูดแล้วทำ ทำแล้ว ก็ทำได้ดี”

ปัจจุบันพรรคการเมืองและผู้สมัคร ส.ส. มีเครื่องมือและช่องทางเข้าถึงประชาชนหลากหลาย การแข่งขันเลือกตั้งจึงตั้งอยู่บน “ความคิดสร้างสรรค์” ว่าพรรคใดจะมีรูปแบบการนำเสนอ “ที่เหนือกว่า” หรือ “แตกต่างกว่า” และประชาชนให้การยอมรับ ทั้งนี้ทุกพรรคต้องมี “นโยบาย” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นตัวชูโรงและนำมาเชื่อมต่อเข้ากับลูกเล่นอื่น ๆ ที่จะคิดและสร้างสรรค์ต่อไป

ในวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดสนามการเมืองประเทศไทยที่ทุกคนและทุกฝ่ายจับจ้องมากเป็นพิเศษ ผู้สมัคร ส.ส. และทุกพรรคต่างแสดง “ตัวตน” และสื่อออกมาตามที่คิดมาก่อนแล้วล่วงหน้า แต่นี่เป็นเพียงก้าวแรกของเกมการเลือกตั้งเท่านั้น สถานการณ์อาจพลิกผันได้ทุกเมื่อ พี่น้องชาวไทยต้องจับตาดูต่อไปว่าเกมการเลือกตั้งต่อจากนี้จะดุเดือดและมีรูปแบบเช่นใด...