นับถอยหลังเข้าใกล้วันลงสนามเลือกตั้ง กันอีกไม่กี่อึดใจ แม้ตามไทม์ไลน์ที่ ฝ่ายจัดการเลือกตั้ง 2566  อย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะวางกรอบวันเวลาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ว่า 14 พ.ค.คือวันหย่อนบัตร แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ ฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะเป็น ขั้วอนุรักษ์นิยม และ ฝ่ายประชาธิปไตย ต่างพากันมองเลยธงไปถึงการจับมือตั้งรัฐบาล หลังเลือกตั้งไปแล้ว ! 


 บนเวทีปราศรัยหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง ที่ยกทัพลุยไปหาเสียงในจังหวัดต่างๆ กำลังเกิดปรากฎการณ์ กลอนพาไป เมื่อทั้งแกนนำ ไปจนถึงว่าที่ผู้สมัครส.ส.ได้หยิบยกประเด็นหาเสียงพาดพิงไปยังอีกฝ่าย รวมถึงยังใช้เวทีปราศรัยกดดันกันทางการเมืองอย่างหนัก 
 โดยเฉพาะสถานการณ์วันนี้น่าจับตาว่า ระหว่าง พรรคเพื่อไทย กับ พรรคก้าวไกล ที่ต่างเคยเป็น พรรคฝ่ายค้าน ทำงานร่วมกันในสภาผู้แทนราษฎร 4ปี ที่ผ่านมา กลับพบว่าเกิดอาการ ระแวง กันเอง และยังปราศรัยตั้งคำถามเรื่อง ดีลตั้งรัฐบาล ด้วยกันเอง


 พรรคเพื่อไทย กลายเป็น เป้าหมายใหญ่ ในฐานะที่ถูกดึงเข้าไปสู่ความเคลื่อนไหวที่ว่าด้วยการจับมือ ข้ามขั้ว เพื่อตั้งรัฐบาลครั้งนี้กับ พรรคพลังประชารัฐที่มี บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรค 


 ขณะที่พรรคเพื่อไทย ใช้เวลาที่เนิ่นนนานเกินไปกว่าที่จะตอบคำถามแบบ ฟันธง ว่าจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ ยิ่งทำให้พรรคก้าวไกล ถูก โดดเดี่ยว จากเกมออกไปทุกที 


 ยิ่งเมื่อ พรรคเพื่อไทย ประกาศชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ กวาด 310 ที่นั่งเข้าสภาฯ หวังตั้ง รัฐบาลพรรคเดียว ยิ่งตอกย้ำว่า พรรคก้าวไกล  ตกอยู่ในความยากลำบาก  มิหนำซ้ำเวลานี้ว่าที่ผู้สมัครของพรรคก้าวไกล ยังพูดถึง ม.112 ซึ่งเคยเป็นประเด็นที่เปราะบาง ที่จะทำให้ก้าวไกล ถูก พรรคฝ่ายค้าน ด้วยกัน ทิ้งระยะห่าง มากขึ้นเท่านั้น 


 การประกาศชูธงชนะแบบแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ตลอดจนล่าสุดคือการที่พรรค ปรับยุทธศาสตร์การต่อสู้ที่เข้มข้นมากขึ้น นั่นคือการปลุกกระแสขอประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย เข้าไปทำหน้าที่ แกนหลักตั้งรัฐบาล เพราะเป็นพรรคที่มี โอกาสสูง เหนือกว่า พรรคฝ่ายค้านด้วยกันโดยเฉพาะ พรรคก้าวไกล ที่ยากจะได้ส.ส.จำนวนมาก จนไต่ระดับขึ้นมาเป็น แกนนำตั้งรัฐบาล 


 เมื่อ พรรคเพื่อไทย เลือกเดินหน้าสู้ด้วยการชูยุทธศาสตร์ ปลุกประชาชน เทคะแนน ให้ถล่มทลาย คล้ายกับว่าไม่ต้องการ พรรคพันธมิตร อย่างพรรคก้าวไกล  ถูก กันออก มากขึ้นทุกที หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ทั้งพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล มีโอกาสที่จะ เสียหาย ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพราะเท่ากับต่างฝ่าย ต่างตัดมิตร ตัดเพื่อน กันตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวเลขส.ส.หลังเลือกตั้ง ! 


 และที่น่าสนใจไปมากกว่านั้น พรรคเพื่อไทย อย่าลืมว่า วันนี้กระแสของพรรคและ ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล กำลังชิงแต้มไล่หลัง แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย มาติดๆ !