การเคลื่อนไหวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในระยะหลัง ดูเหมือนว่า ไม่ปัง เหมือนเคย แฟนคลับ ที่เคยฮือฮา แห่แหนเข้ามาร่วมพูดคุยในคลับเฮ้าส์ ก็ไม่เปรี้ยง ทั้งที่ในห้วงเวลานี้ ทักษิณ น่าจะมีส่วนช่วยสร้าง คะแนนนิยม  ปลุกประชาชนให้เลือกพรรคเพื่อไทย หนุน อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  

 ล่าสุดทักษิณ ที่ใช้ชื่อ โทนี วู๊ดซัม  พูดผ่าน CareTalk x Care ClubHouse เลือก‘เคลื่อน‘ไทย 2566 EP4 : เติมเงินครั้งใหญ่ คนไทยไร้จน! ไม่จกตาแน่นะวิ ? เมื่อคืนวันที่ 21 มี.ค.66 นอกเหนือไปจากการที่ทักษิณ ได้พูดถึงประเด็นที่ถูกโจมตีว่า ครอบงำอุ๊งอิ๊ง บุตรสาว ว่าเป็นไปไม่ได้ แล้ว ยังมีประเด็นร้อนๆที่ถูกจุดขึ้นมาล่าสุดเมื่อมีการพูดถึง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ออกมาโจมตีพรรคเพื่อไทย โดยเปรียบเทียบไปถึงพรรคฝ่ายตรงข้ามอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ 
 

เรื่องขายพ่วงหรือไม่พ่วง สรุปแล้ว เพื่อไทยเขาไม่มีสาขา และเขาไม่คุยกับใคร ไม่จับมือกับใครล่วงหน้า คือ ใช้หลักการช่วยตัวเองก่อน ผมคิดว่าเขาคงขายเดี่ยว ไม่น่าขายพ่วง

 วันนี้ผมงงมาก ธนาธรก็ออกมาโจมตีเพื่อไทย ที่มีคนบอกว่า ก้าวไกลเหมือนประชาธิปัตย์ ผมว่าก็ชักเหมือนขึ้นทุกวัน 
 

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง ในหลายจังหวัด ปรากฏว่าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ถูกจับตามองมาโดยตลอดว่าทั้งสองพรรคที่เคยร่วมงานเป็น ฝ่ายค้าน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จะกลายเป็นครั้งสุดท้าย และจากนั้นจะกลายเป็น ฝั่งตรงข้าม ยืนกันคนละฝั่งหรือไม่ 

 เพราะอย่าลืมว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเคยเกิดปัญหา งัดข้อ กันเองมาหลายครั้งหลายคราว แต่ล่าสุด ยิ่งมีข่าวสะพัดว่า พรรคเพื่อไทย อาจไปเปิดดีล กับพรรคการเมืองฟากรัฐบาล อย่าง พรรคพลังประชารัฐ ยิ่งทำให้เกิด ระยะห่าง ต่อกันมากขึ้น ว่า พรรคก้าวไกลจะถูกโดดเดี่ยว หลังเลือกตั้งหรือไม่ 

 ดังนั้นยิ่งเมื่อ ทักษิณ ทิ้งหมัดตรงเข้าใส่ ธนาธร ที่แม้จะไม่มีตำแหน่งในพรรคก้าวไกล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธนาธร คือผู้ที่มีบทบาทในพรรคก้าวไกล  เท่ากับว่า บิ๊กเนม ของพรรคเพื่อไทย ประกาศตัว เปิดศึก กับพรรคก้าวไกล จะด้วยเพราะ ไม่ต้องการเป็น พันธมิตรทางการเมืองกันหลังเลือกตั้ง หรือจะด้วยมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย จะสามารถเดินไปถึงเป้าหมาย แลนด์สไลด์กวาด 310 ที่นั่ง ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้จริงก็ตาม 

 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจากนี้คือ ช่องว่าง และการทิ้งร่องรอยความขัดแย้ง ตั้งแต่ระดับ หัวแถว ไปจนถึงระดับ ขุนพล ในสนาม !