เสือตัวที่ 6

จากการติดตามงานด้านการข่าวของหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ได้ปรากฏข่าวสารว่ามีเยาวชนส่วนหนึ่งที่ยังอยู่ในระบบและที่หายไปจากระบบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาทั้งหญิงและชาย  ซึ่งต่อมาปรากฏร่องรอยว่ากลุ่มนักจัดตั้งขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีการเข้าไปพบปะกับครอบครัวของเยาวชนดังกล่าวที่มีการเก็งตัวไว้แล้วตั้งแต่อยู่ในสถานศึกษา เพื่อโน้มน้าว ชักจูงและชี้นำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ขบวนการแห่งนี้ ดังที่ปรากฏว่าการก่อเหตุหลายๆ ครั้งในห้วงที่ผ่านมาว่ามีเยาวชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการก่อเหตุในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง อาทิ ชี้เป้า ดูต้นทาง ร่วมขัดขวางการตอบโต้หรือติดตามของเจ้าหน้าที่ในรูปแบบต่างๆ หรือถลำลึกไปจนเข้าไปลอบวางระเบิดด้วยตนเองตามข่าวที่ปรากฏ รวมทั้งจากผลการซักถามจากผู้ที่ถูกจับกุมหรือออกมาแสดงตนที่เคยปฏิบัติการทางทหารของกลุ่มก่อเหตุรุนแรง หรือ RKK พบว่า มีสถานศึกษาศาสนาอิสลามเอกชนสอนศาสนาอิสลามบางแห่งและสถานศึกษาปอเนาะบางแห่ง มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ร่วมเป็นแนวร่วมก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลุ่มขบวนการร้ายแห่งนี้ ใช้สถานศึกษาที่มีอยู่ในพื้นที่เป็นแหล่งบ่มเพาะแนวความคิดการก่อความไม่สงบและปลูกฝังแนวความคิดแปลกแยกกับคนส่วนใหญ่ในประเทศให้เกิดขึ้นกับเยาวชนในสถานศึกษาต่างๆ บางแห่งดังกล่าว

สงครามแย่งชิงความคิดความเชื่อที่มีมวลชนในพื้นที่เป็นเป้าหมาย ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงสามารถสร้างเปอมูดอ (เยาวชนจัดตั้ง) โดยมีครูฝึกเยาวชน ที่เรียกว่าสต๊าฟ เปอมูดอ รับผิดชอบสอน RKK ชั้น 2 ในทั้งหมด 4 ชั้น โดยจุดเริ่มต้นของการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ เกิดจากแนวคิดเชิงอุดมการณ์ (ความเห็นที่ใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวไปสู่เป้าหมายสำคัญร่วมกัน) โดยเฉพาะการปลดปล่อยเพื่อให้ได้เอกราช ร่วมกับพลังความคึกคะนองในช่วงที่เป็นวัยรุ่น การบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบในสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาบางแห่งและโรงเรียนตาดีกาบางแห่ง กระทำเพื่อสนับสนุนและสืบทอดแนวความคิดในการต่อสู้ด้วยความรุนแรงภายใต้ความเชื่อและศรัทธาในการต่อสู้เพื่อศาสนาที่เรียกกันว่าสงคราม ในพื้นที่นี้เรียกว่าสงครามญีฮาดที่เข้มแข็ง อันเป็นที่มาของความมุ่งมั่นในการสร้างบรรยากาศของสงคราม เพื่อล้างผิดบาปทั้งปวงของชีวิต อันเป็นทางลัดไปสู่ชีวิตหลังความตายที่พึงปรารถนา สิ่งเหล่านี้จึงทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้คงไว้ซึ่งสงครามญีฮาด ยังคงดำรงอยู่ต่อไปหากแต่จะปรับเปลี่ยนสถานการณ์การสู้รบในสงครามไปตามจังหวะเวลา

จากข้อมูลหลักฐานพบว่า กระบวนการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบ เพื่อให้เกิดความคิดความเชื่อที่แปลกแยกแตกต่างจากคนทั่วไปในพื้นที่อื่น จนกระทั่งขยายความคิดความเชื่ออันแปลกแยกแตกต่างเหล่านั้นไปสู่ความเกลียดชังรัฐ และพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับรัฐเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสระในการปกครองกันเองดังที่ผ่านมานั้น มีอยู่จริง ด้วยการพิสูจน์ทราบจากหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐมาอย่างต่อเนื่อง พบร่องรอยการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบจากสถานศึกษาบางแห่ง จากผู้กระทำผิดที่ถูกจับได้หรือการพิสูจน์หลักฐานตามหลักวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการติดตามผู้ต้องสงสัยเข้าไปในสถานศึกษาบางแห่งจนพบร่องรอยการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบ สร้างแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนให้เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาบางแห่ง จนกระทั่งหน่วยงานด้านความมั่นคงได้เกาะติด จัดชุดเฉพาะกิจจากหน่วยเฉพาะกิจสันติสุขเข้าเกาะติดพิสูจน์ทราบและสร้างความคิดใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ตั้งแต่ ปี 2556 จนในปัจจุบัน ทำให้สถานศึกษาเป้าหมายที่หน่วยเฉพาะกิจรับผิดชอบ ไม่พบร่องรอยการฝึก เพื่อสร้างสมาชิกใหม่ หรือใช้เป็นแหล่งพักพิงของ ผกร. เช่นในอดีต ด้วยการเกาะติดสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นมาตรการจำกัดเสรีการปฏิบัติ รบกวนขัดขวางกลุ่มแกนนำของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ในการบ่มเพาะเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา

อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักจัดตั้งมวลชนของขบวนการแบ่งแยกดินแดนแห่งนี้ ยังคงสร้างและขยายแนวร่วมด้วยกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดการก่อความไม่สงบอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากหน่วยเฉพาะกิจสันติสุขได้เข้าถึงสถานศึกษาในพื้นที่ได้มากขึ้น ขบวนการแห่งนี้ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการในการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา เช่น การสร้างความแนบเนียน โดยไม่ทิ้งร่องรอยของกระบวนการบ่มเพาะสร้างแนวคิดเกลียดชังต่อรัฐ ให้เห็นง่ายๆ อย่างในอดีตที่ผ่านมา ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องใช้รูปแบบการแสวงหาข้อมูลข่าวสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อหยุดยั้งกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนั้นรูปแบบการปกปิดการอบรมบ่มเพาะของนักจัดตั้งแนวร่วม ก็มีการเปลี่ยนแปลงจากที่มักกระทำในสถานศึกษา ปรับเปลี่ยนไปเป็นการกระทำนอกสถานศึกษา ในรูปแบบของการจัดกิจกรรมเข้าค่ายนอกสถานที่ในห้วงต่างๆ เช่น ห้วงการปิดภาคเรียน รวมทั้งการใช้สถานที่อื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านความมั่นคง ในการใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะแนวคิดแปลกแยกแตกต่าง และขยายผลไปสู่การสร้างความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งการชักจูงเยาวชนให้หลงผิด เข้าร่วมขบวนการต่อสู้กับรัฐในรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งตามลักษณะเฉพาะของเป้าหมาย ตั้งแต่เป็นแนวร่วมในที่ลับ คอยหาและให้ข่าวสาร การสนับสนุนการต่อสู้ของกองกำลังติดอาวุธ ไปถึงการเข้าร่วมเป็นกองกำลังติดอาวุธ หรืออย่างน้อยแนวร่วมเหล่านี้ ก็พร้อมจะแสดงออกถึงเจตจำนงในการแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐเมื่อถึงเวลาและโอกาสที่อำนวย

สิ่งเหล่านี้ นับเป็นมหันตภัยเงียบที่ยังคงลุกลามทางความคิดสู่ความเชื่อที่จะฝังลึกไปในมโนสำนึกในเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตไปเป็นกำลังของบ้านเมืองจนยากที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้คิดใหม่สู่เชื่อใหม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด นอกจากนั้นความคิดความเชื่อที่เป็นมหันตภัยร้ายต่อความเป็นปึกแผ่นของชาติบ้านเมืองเหล่านี้ จะขยายตัวออกไปทุกทิศทุกทางอย่างไม่สิ้นสุด จากคนกลุ่มหนึ่งไปเป็นมวลชนขนาดใหญ่ที่พร้อมจะลุกขึ้นสู้กับรัฐ อันจะเป็นพลังแห่งการต่อสู้กับรัฐในทุกรูปแบบที่มีศักยภาพสูงยิ่ง หากรัฐยังคงไม่ตระหนักมากพอที่จะหยุดยั้งกระบวนการบ่มเพาะหล่อหลอมกล่อมเกล่าเหล่านี้อย่างจริงจัง ผลสุดท้ายก็คงคาดเดาได้ไม่ยาก