ประเด็นใหญ่เมื่อวันประชุมครม. 21 ก.พ.66 ที่ผ่านมา คือความชัดเจนจาก บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่าเขาจะประกาศ ยุบสภาฯ ก่อนวาระแน่นอน คือ 23 มี.ค.นี้
ผมได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ากำหนดการการยุบสภาจะมีภายในเดือน มี.ค.66 ส่วนกรอบเวลาเลือกตั้งเป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศไว้ คือวันที่ 7 พ.ค.66 เพื่อให้เวลาภาคส่วนต่างๆ ได้ดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความเรียบร้อย
และระหว่างนี้ขอให้รัฐมนตรี และส.ส.ช่วยกันพิจารณากฎหมายที่คั่งค้างอยู่หากเป็นไปได้ เพราะเป็นกฎหมายสำคัญที่เสนอไปเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการปฏิรูปต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ ตอนหนึ่ง
สาระสำคัญจากนี้ไป ที่รัฐมนตรีในครม. จากทุกพรรคการเมือง ต้องรับรู้เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้ทำผิดกฎหมายนั่นคือต้องรู้ว่า เรื่องใด ทำได้ และเรื่องใด ทำไม่ได้ โดยมี วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจง ทำความเข้าใจในที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งในการปฏิบัติตัวระหว่างหาเสียง และในฐานะรัฐบาลรักษาการ เพื่อไม่ให้เกิดส่วนได้ ส่วนเสีย ทางการเมืองตามมา
สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ แล้วทุกความเคลื่อนไหวจากนี้ไป จะเข้าสู่ความเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะการสวมหมวกฐานะ นักการเมือง การลงพื้นที่หาเสียงในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ต้องพยายาม สะสมแต้ม ดึงคะแนนนิยมให้ได้มากที่สุด ในห้วงเวลาอีกไม่กี่เดือน ที่จะเริ่มนับถอยหลัง สู่วันเลือกตั้ง
ดังนั้นน่าจะเป็นไปตามที่ วิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมาระบุถึงความพร้อมของพรรคว่าวันนี้ ไม่กังวลอะไรเลยเพราะกระแสพรรคดีขึ้นตลอดเวลา ขณะนี้กระแสพล.อ.ประยุทธ์ ยังนำพรรคอยู่ ต้องปรับจูนให้กระแสพล.อ.ประยุทธ์กับพรรครวมไทยสร้างชาติเดินไปด้วยกันให้ได้
ซึ่งหมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ต้องออกในนามพรรคมากขึ้น บางพื้นที่ชื่อพรรคคนจำไม่ได้แต่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์คนจำได้ ดังนั้นต้องทำสองอย่างนี้ให้เดินไปด้วยกันให้ได้ สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ เรื่องนี้ไม่น่าซับซ้อน
ส่วนการเดินสายลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีมากขึ้น หลังจากที่ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีเวทีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา ถือเป็นการเปิดประตูสู่อีสาน จากนั้นจะทยอยเปิดประตูไปสู่ภาคอื่นๆ
การบริหารจัดการระหว่าง กระแสบิ๊กตู่ ที่นำ พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความลงตัวได้อย่างไร และให้เป็นไปได้มากที่สุด จะออกมาในสูตรไหน นอกเหนือไปจากการชูด้วยนโยบาย และผลงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง บัตรประชารัฐ หรือชาวบ้านเรียก บัตรลุงตู่
เพราะอย่าลืมว่า กระแสของ ลุงตู่ จะต้องไปกับ พรรค เนื่องจากการเลือกตั้งรอบนี้ ใช้กติกาใหม่ ที่ บัตร 2ใบ และสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ ด้วยหาร 100 ด้วยเงื่อนไขเช่นนี้กำลังกลายเป็น โจทย์ที่ท้าทายอย่างยิ่ง !