แม้จะอยู่ช่วงท้ายปลายรัฐบาล ที่บรรดาข้าราชการอาจจะไม่ค่อยเกรงต่ออำนาจฝ่ายบริหารสักเท่าไหร่ แม้จะมีแนวโน้มการคาดการณ์ว่า อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัญหาที่มีการขุดคุ้ยเจ้าหน้าที่มีส่วนพัวพันกับธุรกิจสีเทา ก็มีความเคลื่อนไหวจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ประกาศหากพบข้าราชการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรง ให้ใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงพร้อมกำชับสร้างความเป็นธรรมในการสอบสวนและให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุดนั้น

อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือก.พ.ได้ส่งหนังสือเวียน เรื่องการกำชับแนวทางการใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถึงกระทรวง กรม จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งแนบแนวทางการใช้มาตรการทางการบริหารแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงระบุ 3 แนวทางดำเนินการ ให้ผู้บังคับบัญชากำกับดูแลให้ข้าราชการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของคุณธรรม จริยธรรมและวินัย และให้ผู้บังคับบัญชานำมาตรการทางการบริหารมาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการแก่ข้าราชการที่มีพฤติการณ์ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
          

สาระสำคัญของหนังสือเวียนฯ ระบุว่า “ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/ว2169 ลงวันที่ 17 มี.ค.2564 แจ้งเวียนให้ส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2564 ที่ได้เห็นชอบตามมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2564 ที่เห็นว่า กรณีที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวเกี่ยวกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมของข้าราชการในเรื่องชู้สาว การล่วงละเมิดทางเพศ หรือการคุกคามทางเพศ รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการกระทำดังกล่าว ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยและจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถือเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่ต้องเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาดำเนินการทางวินัยโดยเร็วด้วยการนำมาตรการทางการบริหารมาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินการโดยกำชับให้ผู้บังคับบัญชาเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากผู้บังคับบัญชาละเลยไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัย
          

และขณะนี้ได้ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนหลายกรณีว่ามีข้าราชการที่มีพฤติการณ์ในเรื่องอื่นๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงเช่น การเรียกรับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง การอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตนเรียกรับผลประโยชน์ที่มิควรได้ ดังนั้น เพื่อให้ธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการ ตลอดจนเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินการของส่วนราชการ จึงเห็นควรกำชับให้ผู้บังคับบัญชากำกับดูแลให้ข้าราชการประพฤติปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของคุณธรรม จริยธรรม และวินัย รวมทั้งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด  ทั้งนี้ หากปรากฏว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายบ้านเมืองด้วย ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินคดีทางอาญาโดยเร็วต่อไป”

ถือเป็นท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ที่น่าสนใจ ด้วยกรณีปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น จำเป็นต้องอาศัยผู้นำในการนำการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ประกอบกับทุกภาคส่วนในองคาพยพ แต่หากหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก