การออกมาวิเคราะห์ เส้นทางสู่ชัยชนะสำหรับ พรรคก้าวไกล ในมุมมองของ ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ อาจทำให้ แกนนำ ของพรรคก้าวไกล ไม่สบอารมณ์นัก  เพราะหนึ่ง มีความชัดเจนว่า ปิยบุตร นั้น ถอยห่าง จากพรรคก้าวไกล ชัดเจน 
 
และอีกด้านหนึ่งคือการที่ปิยบุตรส่งสัญญาณเตือนไปยังพรรคก้าวไกล ว่าจากนี้จะมีเวลาอีก 3เดือนเพื่อหาทาง แก้เกม ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ ของ พรรคเพื่อไทย  เพราะไม่เช่นนั้น  บนเวทีการต่อสู้ในการเลือกตั้งรอบหน้า จะกลายเป็นการเปิดเวทีให้ประชาชน ต้องเลือก  เพียง ฝ่ายทักษิณ กับ ฝ่ายประยุทธ์ 
 
ซึ่งหมายความว่า พื้นที่สำหรับพรรคก้าวไกล   จะถูกบีบและเหลือน้อยลงซึ่งปิยบุตร ประเมินว่า อาจส่งผลกระทบทำให้ ก้าวไกล ได้ที่นั่งส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมกันไม่ถึง 30 ที่นั่ง 

  หากพรรคก้าวไกลไม่คิดอะไรมาก ได้เท่าไรก็เท่านั้น รอบนี้ขอ เกาะพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ไว้ก่อน พรรคก้าวไกลก็ไม่ต้องแก้ไขอะไร ไม่ต้องคิดยุทธวิธีใหม่ ประคองตัวไปจนจบเลือกตั้ง และถ้าไม่มีสัญญาณแปลกๆ ใดมาขัดขวาง หรือรวมเสียงฝ่ายค้านเดิมเพียงพอ พี่ใหญ่ ก็อาจเมตตาชวน น้องเล็ก ไปร่วมรัฐบาล แบ่ง รมต.ให้สัก 2-3 ที่
 แต่ถ้าพรรคก้าวไกลยังคงต้องการเสียงมากกว่านี้ จำนวน ส.ส.มากกว่านี้ พิสูจน์ตนเองว่าแนวคิดแนวทางที่ทำกันมาตั้งแต่อนาคตใหม่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ประชาชนเห็นด้วยมาก พรรคก้าวไกลก็ต้องคิดแก้ปมปัญหา แลนด์สไลด์ ให้ได้ และนี่คือบางส่วน บางตอนจาก คำเตือน จากปิยบุตร ผู้ที่เคยร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในการเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 กวาดส.ส.เข้ามาได้ถึง 81 ที่นั่ง  

 แต่เมื่อครั้งนี้กติกาในการเลือกตั้งเปลี่ยนไป โดยในปีนี้ 2566 จะใช้แบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบและใช้สูตรการคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ ด้วยการหาร 100 ย่อมไม่ใช่กติกาที่ทำให้พรรคก้าวไกล ได้เปรียบนัก เมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทย 

 ดังนั้นแม้ในเวลานี้จะมีผลการสำรวจของโพลหลายสำนัก สะท้อนว่า  กระแส ของพรรคก้าวไกล ทั้งพรรคและตัวบุคคคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค กำลังไล่หลัง ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่นๆ ก็ตาม   แต่ปัจจัยเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ ที่จะทำให้พรรคก้าวไกล ก้าวไปได้ไกลมากพอโดยที่ไม่ต้อง พึ่งพิง หรือลุ้นว่า พรรคเพื่อไทย จะเลือกจับมือหลังเลือกตั้ง อีกหรือไม่ ?!