การรบราระหว่าง พรรคเพื่อไทย ที่เปิดหน้าชนกับ พรรคการเมือง ฝ่ายรัฐบาลทั้ง พรรคพลังประชารัฐ  ที่มี บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำลังจะเป็นว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค 


 ทำให้บรรยากาศการเมือง ทั้งก่อนและหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามาตรา 152  ที่เพิ่งผ่านพ้นไป เมื่อวันที่ 15-16 ก.พ.ที่ผ่านมาดุเดือดนำร่องไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา นั่นคือ พรรคภูมิใจไทย ที่วันนี้มีสถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับ 2 แต่มีความพยายามที่จะ ปั้น ตัวเองให้กลายเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในรอบหน้า 


 ด้วยความมั่นใจของพรรคภูมิใจไทยที่สะท้อนผ่าน หัวหน้าพรรค คือ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หลายต่อหลายครั้งว่า เขาเองมีความพร้อมที่จะเป็น นายกฯ  หากประชาชนให้ความเห็นชอบ และที่สำคัญ พรรคภูมิใจไทย คงไม่เจรจากับใครก่อน จนกว่าจะเห็นตัวเลขส.ส.หลังการเลือกตั้ง จบลง


 ล่าสุด ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย  ขึ้นเวทีปราศรัยที่โรงเรียนชุมชนกระนวน อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่  19 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า การที่พรรคต้องการอาสาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จากผลสำรวจที่ไลน์ทูเดย์ทำออกมาพบว่าพรรคมีโอกาส เพราะตัวเลข 33% เราจะได้ ส.ส.เข้าสภาฯจำนวนมาก พรรคสามารถเอานโยบายที่บอกกับพี่น้องประชาชนไปทำให้เกิดขึ้นจริงได้
 การเปิดหน้าบุกของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มีขึ้นในเร็วๆนี้ หากแต่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายช่วงตัวหาก จะวัดจากพรรคคู่ต่อสู้ เพราะหากมองกลับไปจะพบว่า ส.ส.งูเห่า ในสภาฯ ย้ายเข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยมากที่สุด ส่งผลให้พรรคภูมิใจไทย มีตัวเลขส.ส.ในมือ ตุนเอาไว้เป็น ต้นทุน เหนือพรรคอื่นๆอยู่แล้ว 


 นอกจากนี้พรรคยังเปิดแนวรบ ด้วยกันในหลายพื้นที่ และยังน่าสนใจว่ามีการบุกเข้าไปเข้าเจาะฐานเสียง ในจุดที่พรรคยังไม่เคยมีส.ส. เลยสักราย อย่างพื้นที่กทม.  ขณะที่ในพื้นที่ภาคใต้ ยังต้องการเพิ่มที่นั่งส.ส. ปลุกตัวเลขขึ้นมาเบียดกับ พรรคพลังประชารัฐ และ เขย่าเจ้าถิ่นเดิมอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ 


 การก้าวเดินของพรรคภูมิใจไทยในสนามเลือกตั้งรอบนี้ แม้จะยังไม่มีใคร ประเมินตัวเลขที่แท้จริงออกมาได้ก็ตาม แต่หลายคนปฏิเสธไม่ได้ว่า ภูมิใจไทย มีลุ้นมากกว่าใคร !