เลือกตั้งและท่องเที่ยวอุ้มเศรษฐกิจ

อานิสสงส์นโยบายเปิดประเทศและกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทย ผนวกกับนโยบายเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก กระตุ้นเศรษฐกิจไทยกระเตื้องขึ้นชนิดที่พุ่งไปแบบก้าวกระโดดทีเดียว

ไล่ดูตัวเลขของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนมกราคม 2566 ในภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้านี้ทุกภาค โดยแบ่งเป็นรายภาค ภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 83.1 ภาคตะวันตกอยู่ที่ระดับ 80.5 ภาค ตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ระดับ 74.3 ภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 71.9 ภาคกลางอยู่ที่ระดับ 72.4 กทม. และปริมณฑลอยู่ที่ระดับ 59.6 ขณะที่ภาคใต้อยู่ ที่ระดับ 82.9 โดยเฉพาะภาคใต้อยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 66 เดือน

ขณะที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนมกราคม 2566 ปรับเพิ่มขึ้นด้วย โดยมาอยู่ที่ระดับ 51.3 จากระดับ 50.4 ในเดือนก่อนหน้า อยู่ในช่วงความเชื่อมั่นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2และอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 44 เดือน นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) อยู่ในระดับที่มีความเชื่อมั่น คือ ยังสูงกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 15 อีกด้วย 

อีกทั้งล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (Hotel business operator Sentiment Index) เดือนมกราคม 2566  อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 64%เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน และปีก่อนตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งจากนโยบายการเปิดประเทศของจีน ซึ่งโรงแรมกว่าครึ่งหนึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มเข้ามามากตั้งแต่ช่วง ไตรมาส 1 ปี 2566 โดยเฉพาะเดือน กุมภาพันธ์ 25 66 สอดคล้องกับที่ทางการจีนอนุญาตให้กรุ๊ปทัวร์เดินทางเข้าไทยขณะที่ปัจจุบันยังเป็นกลุ่มเดินทำงท่องเที่ยวด้วยตัวเอง และนักธุรกิจเป็นหลัก

ถือเป็นสัญญาณบวกทางด้านเศรษฐกิจ ที่ยังไม่นับรวมปัจจัยการหาเสียงเลือกตั้ง ที่จะฉุดให้ดัชนีความเชื่อมั่นต่างๆเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ออกมาเปิดเผยแล้วว่า  จากช่วงนี้ไปจนถึงนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา จากที่หลายพรรคการเมืองทำกิจกรรมในด้านต่างๆ จะมีเม็ดเงินลงพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 ล้านบาทแล้ว

หากมีการประกาศยุบสภา และรู้วันเลือกตั้งที่ชัดเจน จะมีเม็ดเงินสะพัดทุกกิจกรรมลงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ในระดับรากหญ้าไม่ต่ำกว่า 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 เติบโตไปพร้อมกับการท่องเที่ยว ดันจีดีพีไทยให้สูงขึ้นในช่วงไตรมาสดังกล่าว 1-1.5% คาดว่าจะดันให้เศรษฐกิจไทยในช่วงตลอดปี 66 มีอัตราการเติบโตเป็นบวก 3-4% ได้อย่างแน่นอน

ฉะนั้น ที่กังวลกันว่าเศรษฐกิจโลกจะดิ่งเหว ขึ้นเชิงตะกอนในปีนี้ ไทยก็น่าจะพอประคองตัวไปได้ด้วยปัจจัยการเลือกตั้งและการท่องเที่ยวอุ้มสม