เสือตัวที่ 6
ความยากที่เป็นปัจจัยสำคัญในอันที่จะส่งผลให้เกิดจุดพลิกผันต่อสถานการณ์การต่อสู้ของรัฐกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยก็คือการเอาชนะเชิงยุทธศาสตร์ต่อขบวนการร้ายแห่งนี้ให้อ่อนกำลังลงในทุกมิติโดยเฉพาะการต่อสู้ด้วยอาวุธของขบวนการแห่งนี้ที่ยังคงแสดงให้เห็นว่ากองกำลังติดอาวุธของขบวนการร้ายแห่งนี้ ยังคงศักยภาพในการต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธของรัฐได้อย่างทัดเทียมและอาจเหนือกว่าศักยภาพในการต่อสู้กับกองกำลังของรัฐด้วยซ้ำไป ซึ่งนั่นจะเป็นปัจจัยสำคัญให้การต่อสู้ทางความคิดกับรัฐ โดยเฉพาะในเวทีพูดคุยสันติสุขกับรัฐที่ผ่านมาของขบวนการ มีอำนาจในการต่อรองที่เหนือกว่ากลุ่มตัวแทนของรัฐอย่างเห็นได้ชัด ทั้งหลายเหล่านั้นจึงทำให้สถานการณ์การต่อสู้ของขบวนการแห่งนี้มีความเหนือกว่ารัฐมากกว่า 2-3 ก้าวอยู่เสมอ ด้วยอำนาจในการต่อรองในเวทีเจรจาทั้งหลาย ล้วนมีที่มาจากอำนาจในการต่อสู้ด้วยอาวุธของขบวนการแห่งนี้ที่แสดงให้เห็นว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนจะก่อเหตุร้ายหรือไม่ ที่ใด อย่างไรก็ได้ หากแกนนำต้องการลงมือ หลายครั้งที่กลุ่มขบวนการร้ายแห่งนี้ ให้แหล่งซ่องสุม วางแผน สั่งการ หลบหนี รวมทั้งการสนับสนุนยุทโธปกรณ์เพื่อการก่อเหตุ มาจากพื้นที่ที่อยู่ในประเทศข้างเคียงซึ่งยากที่หน่วยงานความมั่นคงของรัฐจะก้าวล่วงอำนาจอธิปไตยที่อยู่นอกเขตแดนของรัฐไทยได้ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้นจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้นำของประเทศข้างเคียงอย่างจริงจังจึงจะส่งผลให้กลุ่มกองกำลังติดอาวุธของขบวนการอ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด และหากกองกำลังติดอาวุธของขบวนการอ่อนกำลังลงอย่างเป็นรูปธรรม ก็จะส่งผลให้กลุ่มการต่อสู้ทางความคิดลดความได้เปรียบในการเจรจาต่อรองกับตัวแทนของรัฐไทยในที่สุด
จากการศึกษาวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาพบว่า ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ ล้วนมาจากมีการเอื้ออำนวยทั้งทางตรงและทางอ้อมจากกลุ่มคนที่พักอาศัยอยู่ในดินแดนประเทศข้างเคียงเป็นสำคัญ เหตุร้ายในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ล้วนมีสาเหตุสำคัญมาจากการสนับสนุนของฝ่ายการเมืองในประเทศข้างเคียง หากรัฐบาลของประเทศที่กลุ่มขบวนการร้ายแห่งนี้ใช้เป็นฐานสำคัญในการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ มีความจริงใจที่จะออกนโยบายที่ชัดเจนที่จะไม่ให้ขบวนการนี้ใช้พื้นที่ของประเทศนั้นเป็นฐานในการต่อสู้กับรัฐไทย รวมทั้งเอาจริงจังกับกำลังติดอาวุธ BRN ในดินแดนของเขา และที่สำคัญคือการห้ามการเคลื่อนไหวที่กระทบความมั่นคงไทยอย่างจริงจัง อย่างที่รัฐบาลจีน เคยใช้นโยบายลักษณะนี้ต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จนทำให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอ่อนกำลังลงจนกระทั่งยอมวางอาวุธยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธและยินยอมมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจวบจนปัจจุบัน อันเป็นจุดพลิกผันสำคัญต่อสถานการณ์การสู้รบที่มีมาอย่างยาวนานลงได้
จากการเก็บข้อมูลหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบว่า วัสดุประกอบระเบิดที่ใช้ก่อเหตุในพื้นที่ จชต. ส่วนใหญ่มาจากประเทศข้างเคียง โดยที่ฝ่ายความมั่นคงไทยโดยกองทัพภาคที่ 4 ได้เคยประสานแจ้งให้ทางกองทัพประเทศข้างเคียงทราบมาตามลำดับแล้วด้วยใช้ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกัน รวมทั้งส่งรายชื่อและข้อมูลในรายละเอียดของแกนนำ BRN ทั้งหมดที่อยู่ในดินแดนของประเทศนั้นให้ทราบมาอย่างต่อเนื่องเพื่อขอความร่วมมือในการกดดันกลุ่มกองกำลังติดอาวุธเหล่านั้นไม่ให้มีเสรีในการก่อเหตุร้ายในดินแดนไทยได้ หากแต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เท่าที่ควร จากรัฐบาลประเทศข้างเคียงในการกดดัน โดยเฉพาะกลุ่ม BRN ให้ยุติการก่อเหตุร้ายรวมทั้งการเคลื่อนไหวใดๆ ที่กระทบต่อความมั่นคงของในไทย ส่งผลให้การก่อเหตุร้ายในพื้นที่ จชต. ยังคงดำเนินต่อไปตามจังหวะเวลาที่แกนนำขบวนการร้ายแห่งนี้ต้องการ อันจะส่งผลต่อการเจรจาสันติภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อำนาจเจรจาต่อรองของกลุ่มขบวนการแห่งนี้ที่มีเหนือกว่าตัวแทนจากรัฐ มีปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนหลายครั้งหลายหน อาทิ พล.อ.วัลลภ หน.คณะพูดคุย ได้พูดคุยครั้งที่ 4 เมื่อปลายเดือน มี.ค.64 ได้ข้อสรุปสองฝ่ายร่วมกันในการลดสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ จชต. เป็นเวลา 40 วัน ระหว่างช่วงถือศีลอด รอมฏอน ตลอดเดือนเมษา 64 ถึงต้นเดือน พ.ค. ขณะที่ทางกองทัพภาค 4 สมัย พล.ท. เกรียงไกร ศรีรัตน์ ได้ยอมลดการบังคับใช้กฎหมายในการปิดล้อมตรวจค้น มีการเอาป้ายหมายจับที่ติดตามด่านตรวจออกทั้งหมด รวมทั้งอนุญาตให้ กกล. ติดอาวุธกลุ่ม BRN ในมาเลย์และที่ปฏิบัติการในพื้นที่ จชต. สามารถกลับมาเยี่ยมญาติในหมู่บ้านเพื่อร่วมประกอบกิจทางศาสนาช่วงถือศีลอดได้โดยไม่ถูก จนท. ควบคุมตัว เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีและลดการเผชิญหน้ากับกลุ่มขบวนการ และในช่วงดังกล่าว สถานการณ์ความรุนแรงในช่วงรอมฎอนก็ลดลงอย่างเป็นได้ชัด เป็นการยืนยันบ่งบอกถึงศักยภาพของ BRN ว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงได้ นั่นก็ชี้ชัดว่า การลดหรือยุติการก่อเหตุร้ายทั้งหลายในพื้นที่ ขึ้นอยู่กับการยินยอมพร้อมใจของกลุ่มขบวนการแห่งนี้เป็นสำคัญ หากกลุ่มขบวนการไม่เห็นด้วยกับการเจรจาต่อรองใดๆ เหตุร้ายก็จะยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ความรุนแรงในพื้นที่ก็ยังคงมีอยู่ต่อไปจนกว่าฝ่ายรัฐจะตอบสนองความต้องการของแกนนำขบวนการแห่งนี้จนเป็นที่น่าพอใจ
จึงเห็นได้ว่า ความสำเร็จในการยุติปัญหาใน จชต. จากกระบวนการพูดคุยเป็นหลักเพียงปัจจัยเดียวนั้น เป็นไปได้ยาก หากกลุ่มขบวนการยังคงมีกองกำลังติดอาวุธที่เข้มแข็งและมีอำนาจก่อเหตุร้ายได้ โดยอาศัยดินแดนที่อยู่นอกเขตอธิปไตยของรัฐไทยเคลื่อนไหวอย่างเสรีอย่างที่ผ่านมา และพลังต่อรองบนโต๊ะเจรจาก็พลอยเหนือกว่ารัฐไทยอยู่ต่อไป ดังนั้น จึงต้องให้ความสำคัญกับการเอาชนะเชิงยุทธศาสตร์ปิดล้อมให้ได้มาซึ่งความร่วมมือจากประเทศข้างเคียงอย่างจริงจัง ซึ่งจะเป็นจุดพลิกผันสำคัญให้ความได้เปรียบในสงครามครั้งนี้ กลับมาเป็นของรัฐอย่างชัดเจน