ท่ามกลางหมอกควันและไฟป่า ที่อยู่กับประเทศไทยและบางจังหวัดมานานนับ 10 ปี ที่เหมือนเป็ยวัฏจักร ที่เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งก็จะต้องเผชิญกับปัญหาอย่างสาหัส
แม้จะมีความความพยายามใช้มาตรการทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ในการป้องกัน การเผาทำลายป่าและการลดมลพิษ ควบคู่ไปกับความพยายามสร้างกระแสการใช้พลังงานสะอาด ผ่านการจูงใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ แต่ดูเหมือนว่ายังต้องเวลาอีกมากในการเปลี่ยนผ่านพฤติกรรมดังกล่าวให้หมดไป
ทว่าในช่วงที่ผ่านมา ที่หน่วยงานต่างๆได้บูรณาการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ปฏิบัติการฝนหลวงเป็นกลไกลหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย
โดยนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รักษาการอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่าสภานการณ์จากการปฏิบัติทำฝนหลวงของหน่วยเคลื่อนที่เร็วตั้งแต่วันที่3 ก.พ.เป็นต้นมา ที่ตั้งหน่วยบินเครื่องที่เร็วที่จ.เชียงใหม่ และจ.ระยอง เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นมลพิษPM 2.5โดยขึ้นปฏิบัติทำฝนหลวงต่อเนื่องทุกวัน จากติดตามรายงานล่าสุดพบว่าปฏิบัติการทำฝนหลวง ที่ อ.บ้านบึง ชลบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด พบว่าสามรถปฏิบัติการได้ผลทำให้มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพ เช่น บริเวณคลองสามวา มีนบุรี สายไหม หนองจอก และบ้านบึง จ.ชลบุรี ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ โดยหน่วยบินเคลื่อนที่เร็วจ.เชียงใหม่ ได้่ทำให้มีฝนตกในพื้นที่ด้วย ซึ่งการปฏิบัติการได้น้อนนำตำราฝนหลวงพระราชทาน ศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่9 โดยฝนหลวงของพ่อ ได้ช่วยขจัดทุกข์ในคนไทยได้ทุกครั้งผ่านพ้นวิกฤติต่างๆมาได้
มาถึงบรรทัดนี้ เชื่อว่าพสกนิกรชาวไทยผู้จงรักภักดี น้ำตาลื้นด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาชาญ ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น ที่ได้รับประโยชน์จากฝนหลวง ที่มาจากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้วยพระองค์เอง
หากแต่ชาวโลกก็ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ เฉกเช่น ประเทศจอร์แดน ออสเตรเลีย แทนซาเนีย และโอมานด้วย โดยเฉพาะประเทศจอร์แดนนั้นเป็นที่ที่ประสบความสำเร็จในการทำฝนเทียมมากที่สุด
น้ำพระทัยเปี่ยมล้นของพระองค์ท่านนั้น ไม่มีวันเลือนหายไปจากหัวใจคนไทย