แม้กระแสของ พรรคก้าวไกล จะไม่เปรี้ยงปร้าง เหมือนเมื่อคราวที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถือธงนำ พรรคอนาคตใหม่ ลงสนามเลือกตั้งเมื่อปี 2562
แต่ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกล ในวันนี้จะไร้กระแส ในทางตรงกันข้ามหลายพรรคปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแส ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค นั้นได้เบียดขึ้นมา ติดโพลหลายสำนัก ว่าไม่ควรมองข้าม ทั้งตัวส.ส. และ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค
หลายโพล สะท้อนออกมาว่า พิธา มีกระแสในหลายพื้นที่ และว่ากันว่า ยังทำให้ พรรคเพื่อไทย ในยุคที่ นักรบห้องแอร์ เห็นพ้องกับ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ต้องการชู คนรุ่นใหม่ เพื่อปรับโฉมของพรรค และยังต้องการช่วงชิงกระแสจาก นิวโหวตเตอร์
แกนนำพรรคก้าวไกล หลายคนให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายต่อหลายครั้ง แสดงความมั่นใจว่า พรรคเดินทางมาไกล ไม่ใช่ พรรคหน้าใหม่ เหมือนเมื่อครั้งที่พรรคอนาคตใหม่ ลงสนาม เมื่อ4ปีที่แล้ว ยิ่งบวกกับ ผลงาน ในการตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล ประกาศตัว ชนกับ ขั้ว3ป. มาอย่างดุเดือด
ล้วนแล้วทำให้ พรรคก้าวไกล มั่นใจว่า กระแสของพรรคไม่ด้อยไปกว่าใคร ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปดูผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อเดือนพ.ค.2565ที่ผ่านมา ที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะเลือกตั้ง กวาดมาได้ถึง 1.3ล้านเสียง ก็ไม่ได้หมายความ เสียงที่หนุนชัชชาติ จะมาจากฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ในกทม. หากแต่เป็นความชื่นชอบชัชชาติ เป็นการส่วนตัวบวกกับกระแสคนรุ่นใหม่ ฐานเสียงเดียวกันกับที่ พรรคเพื่อไทยต้องการครอบครอง
ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคก้าวไกล ส่วนหนึ่งถูกเปิดเผยออกมาจากอดีตสมาชิกพรรค ที่ตัดสินใจลาออก แล้วไปหาที่อยู่ใหม่ รายล่าสุด คือ คริส โปรตะนันท์ ที่แม้จะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ แต่ก่อนไป ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาเองไม่อาจอดทนได้กับการ สั่งการ จากคนบางกลุ่มที่มีไม่กี่คน ที่เรียกว่า โปลิตบูโร
แน่นอนว่า ปัญหาภายใน ที่กลายเป็น ปมร้าวลึก อาจไม่จบลงในรายของคริส เท่านั้น ก่อนการเลือกตั้งมาถึงโอกาสที่จะได้เห็น เรื่องร้อนๆ ปะทุ ออกมาจากพรรคก้าวไกล ใช่ว่จะไม่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ขณะเดียวกัน หากการคลี่คลายปัญหา จบลงได้รวดเร็ว เร่งยุติศึกใน ก่อนถึงวันเปิดสนาม จะทำให้ พรรคก้าวไกล กลายเป็นพรรคคู่แข่งของ พรรคเพื่อไทย และพรรคฝ่ายรัฐบาลทันที
เว้นเสียแต่ว่า จากนี้ไป พรรคก้าวไกล จะต้องรับมือกับ พายุใหญ่ ลูกใหม่ ที่ยากกว่า ศึกใน ในยามนี้ !