คำตอบ จาก สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะ แกนนำกลุ่มสามมิตร ก่อนเข้าประชุมครม.ครั้งล่าสุด 31ม.ค.66 น่าจะถือเป็น ความชัดเจน มากกว่าครั้งไหน ๆ ว่าวันนี้ สามมิตร จะเดินหน้าทำงานการเมือง ต่อไปกับ  ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 

 สมศักดิ์ อาจถือเป็นแกนนำกลุ่มสามมิตร ที่ถูกสื่อซักถามมากที่สุด  เพราะหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ กลุ่มสามมิตรใช้วิธี กั๊ก ไม่ชี้ชัดอย่างใด อย่างหนึ่ง  ท่ามกลางความเคลื่อนไหวที่สะท้อนออกมาแล้วว่า วันนี้ สมาชิก กลุ่มสามมิตร ไม่เหนียวแน่น เท่าเดิม เหมือนเมื่อครั้งที่เข้ามาร่วมงานกับ 3ป. หลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา 

 ยิ่งเมื่อ ธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชัดเจนว่า แยกตัวออกจากกลุ่ม ตาม บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ  และล่าสุด คือ อนุชา นาคาศัย  รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่เตรียมย้ายไปสังกัดรวมไทยสร้างชาติ เช่นกัน 

 ล่าสุดสมศักดิ์ ชี้แจงสื่อว่า ยืนยันไม่มีปัญหาการทำงานร่วมกัน เป็นเรื่องการตัดสินใจของผู้ใหญ่ในพรรค เป็นไปตามครรลอง ในทางการเมืองเราไม่สามารถไปเลือกงานได้ 

 เมื่อผู้ใหญ่ของพรรคกำหนดทิศทางอย่างไร เราก็ต้องทำตัวให้เหมือนกับน้ำในแก้วที่มีน้ำแข็งอยู่ ต้องมีการประสานให้เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม 

 นักการเมืองมากประสบการณ์ อย่างสมศักดิ์ ไม่เพียงแต่เขาจะปรับตัวให้อยู่ได้กับสถานการณ์อันยากลำบากเท่านั้น หากแต่ทุกการตัดสินใจ ต้องผ่านการประเมินแล้วว่า จุดแข็ง จุดอ่อน และจุดคุ้มทุน คืออะไร  เพราะการตัดสินใจย้ายไป พรรคเพื่อไทย ตามที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้ อาจไม่ใช่ คำตอบ ที่ดีที่สุด 
 

เพราะเหนืออื่นใด การเลือกข้างให้ถูกต่างหาก คือจุดคุ้มทุน ที่สมควรเลือกเดิน อย่าลืมว่า พรรคเพื่อไทย ในวันนี้ ยังต้องลุ้นว่า จะเดินหน้าไปถึงแลนด์สไลด์ ได้จริงหรือไม่  หรือแม้จะได้เสียงข้างมาก แต่จะฝ่าด่านตั้ง รัฐบาลพรรคเดียว  ได้หรือไม่ 
 แต่การเลือกอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ที่ บิ๊กป้อม ประกาศนโยบายชูก้าวข้าม ความขัดแย้ง ทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้นั้น คือ จุดแข็ง ที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐ จับได้กับทุกขั้ว เตรียมตัวเป็นรัฐบาล เอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว !